…บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๒๓…
…ทบทวนธรรมคำของพ่อแม่ครูบาอาจารย์…
…คนเราควรมองผู้มีปัญญาใด ๆ ที่คอยชี้โทษ คอยกล่าวคำขนาบอยู่เสมอไปว่าคนนั้นแหละ คือผู้ชี้ขุมทรัพย์และควรคบบัณฑิตที่เป็นเช่นนั้น เมื่อคบหากับบัณฑิตชนิดนั้นอยู่ย่อมมีแต่ดีท่าเดียว ไม่มีเลวเลย…
…พระไตรปิฎกบาลี สยามรัฐ ๒๕/๒๕/๑๖…
…“เมื่อเรานั่งอยู่นั่น ไม่ต้องรับรู้อารมณ์ เมื่ออารมณ์ที่มากระทบกระทั่งเมื่อไรรู้สึกในจิตของเรา แล้วปล่อยมันไปมันจะดีจะชั่วก็ช่างมัน ในเวลานั้นไม่ใช่ธุระหน้าที่ของเรา จะไปจัดแจงในสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น ปล่อยมันออกไปเสียก่อน แล้วกำหนดลม เอาคืนมาให้มีความรู้สึกแต่ลมอย่างเดียว เข้าออกแล้วให้มันสบาย อย่าให้มันทุกข์เพราะมันสั้น ทุกข์เพราะมันยาว อย่าให้มันทุกข์ดูลมหายใจ อย่าให้มีความกดดันคืออย่ายึดมั่น รู้แล้ว ให้ปล่อยตามสภาวะของมันอย่างนั้นให้ถึงความสงบ ต่อไปจิตมันก็จะวางลมหายใจ มันก็จะเบา เบาไปผลที่สุดลมหายใจมันจะน้อยไปน้อยไปจนกระทั่งปรากฏว่ามันไม่มีลม ในเวลานั้นจิตมันก็จะเบา กายมันก็จะเบา การเหน็ดเหนื่อยเลิกหมดแล้วมีเหลือความรู้อันเดียวอยู่อย่างนั้นนั่นเรียกว่าจิตมันเปลี่ยนไปหาความสงบแล้วนี่พูดถึงการกระทำในเวลาเรานั่งสมาธิอย่างเดียว”…
…คำสอนของพระโพธิญาณเถร หลวงพ่อชา สุภทฺโท วัดหนองป่าพง…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๔…