…บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๑๕…
…ทุกอย่างล้วนเป็นครูที่สอนธรรมให้แก่เรา ไม่ว่าความดีหรือความชั่วล้วนแล้วแต่เป็นครู สอนให้เรารู้ว่านี่คือความไม่ดี เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำสอนให้รู้ว่านี่คือความดี เป็นสิ่งที่ควรกระทำ ความดีและความเลวมีไว้ให้เปรียบเทียบกัน
…บางครั้งในยามที่ร่างกายอ่อนล้าจิตยังติดในอารมณ์สมถะ คือพอใจในความสงบนิ่ง เพราะความเคยชินที่เคยทรงอยู่ในอารมณ์นั้นมานานพอยกจิตออกจากสมาธิ มาพิจารณาสภาวธรรม สร้างความรู้ตัวทั่วพร้อมไม่ให้จิตหยุดนิ่งเสพในอารมณ์หนึ่งอารมณ์ใด ตามดู ตามรู้ ตามเห็นความเป็นไปในปัจจุบันธรรม มีสติรู้ให้ทัน ในการเกิดขึ้น การตั้งอยู่และการดับไป ของสิ่งทั้งหลายที่มากระทบจิตยังไม่คุ้นเคยกับอารมณ์ธรรมอย่างนี้คอยแต่จะหนีไปสู่ความสงบนิ่ง มันเป็นความสงบที่หลบหนีความเป็นจริงของธรรมชาติ ซึ่งเราจะต้องสร้างความเคยชินให้กับความจิตขึ้นมาใหม่ให้ได้โดยเร็ววันโดยการเร่งความเพียร เพิ่มเวลา เพิ่มกำลังของสติและสัมปชัญญะให้มากขึ้นเรื่อย ๆ อาศัยหลักธรรม ในพระพุทธศาสนาที่ว่า “วิริเยน ทุกฺข มเจติ” บุคคลล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร…
…ปลายทางย่อมอยู่ไม่ไกล ตราบใดที่เรายังก้าวเดินไปข้างหน้า…
…ชีวิตคือหน้าที่ ชีวิตที่เหลืออยู่นี้คือการทำหน้าที่ให้ดีที่สุดของความเป็นมนุษย์ให้สมบูรณ์…
…ธรรมนั้นอยู่ที่สภาวะภายในของจิตมิใช่อยู่ที่การแสดงออกทางกาย…
…แด่อารมณ์ธรรมทั้งหลายที่เกิดขึ้นในจิต…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๗ สิงหาคม ๒๕๖๔…