…บางครั้งในสิ่งที่ไม่อยากจะทำก็ต้องทำและในสิ่งที่อยากจะทำก็ไม่ได้ทำ ซึ่งทุกอย่างนั้นมันขึ้นอยู่กับ จังหวะ เวลา โอกาส สถานที่และตัวบุคคล เป็นเหตุและปัจจัยให้เกิดสิ่งนั้น พิจารณาเป็นธรรมะ มันก็อยู่ในฐานเวทนาหนึ่งในสติปัฏฐาน ๔ คือความยินดีและไม่ยินดี ถ้าเราได้กระทำในสิ่งที่เรายินดีในสิ่งที่ชอบ ในสิ่งที่ใช่ ใจของเราก็จะมีความยินดีพอใจในสิ่งที่กระทำนั้นแต่ในทางกลับกัน ถ้าเราฝืนทำในสิ่งที่เราไม่ชอบไม่พอใจ ใจของเรานั้นก็จะเกิดความไม่ยินดี คืออิฏฐารมณ์ อนิฏฐารมณ์
…ความยินดีและไม่น่ายินดีสิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะว่าเราไปยึดติดกับความคิดและจริตของตัวเราจนเกินไปปฏิเสธในสิ่งที่ใจนั้นไม่ชอบ ซึ่งสิ่งนั้นอาจจะประกอบด้วยกุศลและมีผลที่ดีทำให้เสียโอกาศอันดีไปเพราะใจเราปฏิเสธ มันเป็นกิเลสที่ประกอบไปด้วยอัตตาและทิฏฐิมานะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรลด ควรละและควรเลิก แต่ถ้าเราได้หมั่นฝึกฝนจิตของเราให้อยู่เหนือเหตุและผล ปฏิบัติตนไปตามบทบาทและหน้าที่ทำทุกอย่างให้มันดีให้มันเต็มที่เสมอกัน มันก็จะไม่มีสิ่งนั้น คือสิ่งที่ชอบและสิ่งไม่ชอบ เพราะทุกอย่างประกอบไปด้วยกุศล ถ้าเราค้นหาและพิจารณาโดยโยนิโสมนัสสิการ…
…ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร…
…๓ ธันวาคม ๒๕๕๔…