…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๖๔…
…ย้ำเตือนบุคคลรอบข้างอยู่เสมอว่า
…อย่าได้เชื่อทันทีในสิ่งรู้และในสิ่งที่เห็น เพราะมันอาจจะชักนำไปสู่ความงมงาย ไร้ปัญญา ควรคิดพิจารณา ถึงเหตุและผล ให้เห็นทุกข์เห็นภัย เห็นโทษ เห็นประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ ของสิ่งที่รู้และสิ่งที่ได้เห็นนั้น
…ในทางกลับกัน อย่าได้ปฏิเสธทันทีในสิ่งที่ได้รู้และในสิ่งที่ได้เห็นนั้นเพราะการปฏิเสธในทันทีนั้น มันอาจจะทำให้เราเสียโอกาส ขาดสติเกิดความประมาททางจิตขึ้นมาได้จงใช้สติสัมปชัญญะและปัญญาพิจารณาใคร่ครวญ ด้วยเหตุและผลแห่งทุกข์ ภัย โทษ ประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ของสิ่งที่ได้รู้ได้เห็นนั้นแล้วจึงจะเชื่อหรือปฏิเสธ…
…แสวงหาจุดร่วม สงวนจุดต่าง…
๐ ร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ
เพื่อให้ สมัคร สมาน
ร่วมแรง ร่วมใจ ทำงาน
ประสาน แรงกาย แรงใจ
๐ ร่วมกัน สรรค์สร้าง กุศล
ทำตน ให้สุข สดใส
มีธรรม นำทาง ก้าวไป
ร่วมแรง ร่วมใจ ทำดี
๐ ทำงาน อย่างมี สติ
เริ่มริ ตริตรอง ถ้วนถี่
รู้ตัว ทั่วพร้อม ต้องมี
รู้ดี รู้ชั่ว ก่อนทำ
๐ ก่อนกล่าว วาจา ควรคิด
พลาดผิด จิตอาจ ตกต่ำ
โทสะ เข้ามา ครองงำ
อาจทำ ให้เสีย การงาน
๐ พูดดี เป็นศรี แก่ปาก
พูดมาก อาจเกิด ร้าวฉาน
ควรพูด ให้เหมาะ กับกาล
ประสาน สร้างมิตร ไมตรี
๐ ปิยะ วาจา ผูกจิต
ผูกมิตร พวกพ้อง น้องพี่
ผูกใจ ไว้ด้วย ความดี
ผูกมิตร ไมตรี ยืนยาว…
… ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๑๗ กันยายน ๒๕๖๕…