…รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๔๙…
…ตาดู หูไว ใจนิ่ง มองงานแตกแยกงานออก บอกงานได้ ใช้คนเป็นเห็นใจผู้ร่วมงาน…
…การที่เป็นคนที่คิดและลงมือทำงานอย่างรวดเร็วนั้น บางครั้งอาจจะมีคนที่ไม่เข้าใจและไม่เคยร่วมงานกันมาก่อนคิดว่าเป็นคนใจร้อน ทำงานแบบลวกๆแต่แท้ที่จริงแล้ว ทุกอย่างที่ได้ทำไปนั้นผ่านการคิดการวิเคราะห์ใคร่ครวญและวางแผนงานมาอย่างดีแล้ว สิ่งนั้นเกิดจากประสบการณ์ที่ได้สั่งสมมาอย่างยาวนานในการคิดวิเคราะห์วางแผนและได้เคยกระทำมาแล้ว ทุกอย่างถูกบันทึกไว้ในความทรงจำ
…แต่กว่าจะเป็นเช่นปัจจุบันนี้ได้ ก็ต้องผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนักและใช้เวลายาวนานเป็นเวลา ๓๐ กว่าปี ตั้งแต่สมัยเป็นฆราวาสจนมาเป็นสมณะ ที่ได้กระทำมา คือจากการเป็นคนที่ ดู เห็น วิเคราะห์ จดจำ ทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามา และเมื่อได้ศึกษาปฏิบัติธรรม ได้เจริญสติภาวนา การคิดวิเคราะห์ปัญหานั้นก็ยิ่งละเอียดขึ้น มองทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาอย่างเป็นกลาง ไม่เข้าข้างความคิดคติส่วนตัวไม่มีอัตตาในการคิดและวิเคราะห์
…หัวใจของการทำงานที่ต้องฝึกไว้นั้นคือ “ตาดู หูไว ใจนิ่ง มองทุกอย่างบนพื้นฐานแห่งความเป็นจริงของเหตุและปัจจัยในขณะนั้น มองปัญหาให้แตก แยกงานออกบอกให้เป็น เห็นใจผู้ร่วมงาน” แล้วการทำงานทุกอย่างนั้นจะก้าวข้ามอุปสรรคปัญหา นำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จได้ตามที่ตั้งเจตนาไว้
…จึงขอฝากไว้เป็นข้อคิดสะกิดเตือนใจแด่ท่านทั้งหลาย เพื่อจะได้นำไปใช้ในการทำงานบริหารงาน บริหารคนบริหารเวลาเพื่อที่จะนำพาชีวิตไปสู่จุดหมายปลายทาง
“ความสำเร็จของชีวิต อยู่ที่จิตคิดว่าพอ”…
..ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๑๙ เมษายน ๒๕๖๕…