…รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๕๒…
…การปฏิบัติธรรมคือการทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์และหน้าที่นั้นต้องเป็นโดยชอบ ประกอบด้วยกุศลเป็นมงคลต่อชีวิต ไม่เป็นพิษต่อผู้อื่นไม่ฝ่าฝืนศีลธรรมประเพณีที่ดีงามดำเนินตามคำสั่งสอนของพระศาสดาองค์พระสัมมาพุทธเจ้า โดยเป็นไปตามลำดับและขั้นตอน
…ปัญหาที่เกิดสำหรับสำหรับผู้ที่อยากจะปฏิบัติธรรมก็คือ เรายังไม่รู้จักตนเอง ไม่รู้จักประมาณในตนไปหวังผลถึงคุณธรรมที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต ลืมบทบาทและหน้าที่ของตัวเราเอง ธรรมะคือความเหมาะสม ในจังหวะ เวลา โอกาสสถานที่ ต้องมีความพอดี ไม่เกร็งไม่เคร่งไม่เครียดเกินไป จนกลายเป็นการกดดันตัวเอง เพราะเราไปเคร่งจนเกินไป เลยทำให้เกิดเป็นความเครียดขึ้นมา
…การปฏิบัติธรรมนั้นต้องเริ่มที่คุณธรรมคือต้องมีจิตสำนึกแห่งการใฝ่ธรรมเสียก่อนและอย่าได้ใจร้อนหวังผล ในทันทีทันใดต้องเริ่มต้นไปตามลำดับและขั้นตอนสั่งสมอบรมจิตของเราไปเรื่อย ๆ โดยเริ่มจากการฝึกให้มีสติเสียก่อนมีสติกับสิ่งที่จับต้องและเห็นได้คืออาการความเคลื่อนไหวของร่างกายในทุกอิริยาบถ เรียกว่าฝึกใจให้มันอยู่กับเนื้อกับตัวให้ได้เสียก่อน จนมีความชำนาญใจไม่ฟุ้งซ่านเพราะจิตที่ส่งออกแล้วจึงค่อยยกจิตเข้าสู่การภาวนา
…การภาวนานั้นเราทำเพื่อให้เกิดความสงบ สิ่งที่จะตามมาก็คือ”สมาธิ”จิตที่สติมีกำลัง ย่อมส่งผลไปยังสมาธิที่มั่นคงและเมื่อจิตพบความสงบ การเป็นระบบในการคิดก็จะตามมา การรู้จักวิเคราะห์ปัญหาก็จะเกิด โดยการรู้จักเหตุและผลไม่เอาความรักความชอบความชังของตนมาตัดสิน มองทุกอย่างตามความเป็นจริง เห็นทุกสิ่งที่มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปเห็นทุกข์ เห็นภัย เห็นโทษ เห็นสิ่งที่เป็นประโยชน์และไร้ประโยชน์ในสรรพสิ่ง ได้รู้เห็นความจริงสิ่งนั้นคือ “สัจธรรม”…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๒ เมษายน ๒๕๖๕…