…รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๖๓…
….“คนเราควรมองผู้มีปัญญาใด ๆ ที่คอยชี้โทษและกล่าวคำขนาบอยู่เสมอไป ว่าผู้นั้นแหละ คือผู้ชี้ขุมทรัพย์ละ ควรคบหาบัณฑิตที่เป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อคบหากับบัณฑิตเช่นนั้นอยู่ ย่อมมีแต่คุณอันประเสริฐส่วนเดียว ไม่มีเสื่อมเลย”…
…” นิธีนํว ปวตฺตารํ ยํ ปสฺเส
วชฺชทสฺสินํ นิคฺคยฺหวาทึ เมธาวี
ตาทิสํ ปณฺฑิตํ ภเช ตาทิสํ
ภชมานสฺส เสยฺโย โหติ น ปาปิโย “…
….พุทธสุภาษิต ธรรมบท ๒๕/๒๑…
…( กาพย์ยานี ๑๑ )…
…มองหา ก็มองเห็น
ซึ่งความเป็น ในโลกนี้
หลายหลาก และมากมี
ได้พบเห็น เป็นประจำ
เห็นแล้ว เก็บมาคิด
มาพินิจ ให้เห็นธรรม
ก่อเกิด กุศลกรรม
รู้เข้าใจ ในความจริง
ทุกสิ่ง นั้นเคลื่อนไหว
แปรเปลี่ยนไป ในทุกสิ่ง
ไม่เคย จะหยุดนิ่ง
ล้วนเกิดดับ ธรรมดา
เกิดขึ้น แล้วตั้งอยู่
มองให้รู้ เห็นปัญหา
ใช้จิต ใช้ปัญญา
มองทุกอย่าง ว่างอัตตา
วางจิต ให้เป็นกลาง
จะไม่สร้าง ซึ่งปัญหา
ลดละ ในอัตตา
เดินตามธรรม ดำเนินไป
มองหา ทั้งสองด้าน
มองให้ผ่าน สู่ข้างใน
ดีชั่ว จงดูไป
มองให้เห็น ทั้งสองทาง
ทั้งโทษ และทั้งคุณ
มองและหมุน หาช่องว่าง
รู้แล้ว ก็ละวาง
จิตเข้าใจ ก็เห็นธรรม
ดีชั่ว ใครกำหนด
หรือเป็นกฎ ผลของกรรม
สิ่งคิด และสิ่งทำ
ล้วนใจเรา กำหนดมา
ทุกอย่าง เริ่มจากจิต
จากความคิด ส่งออกมา
จึงเกิด เป็นปัญหา
เพิ่มกิเลส ให้แก่ตน
เพ่งโทษ ผู้อื่นเขา
เท่ากับเอา มาปะปน
กิเลส ในใจตน
เป็นทบเท่า ทวีคูณ
…มองหา ก็มองเห็น
มองให้เป็น สิ่งดับสูญ
อย่าเอา มาเพิ่มพูน
จงปล่อยปละ และละวาง
วางใจ และวางจิต
จงอย่าคิด จิตเข้าข้าง
มองหา ในเส้นทาง
สู่สงบ และร่มเย็น
สงบ สยบได้
สิ่งเคลื่อนไหว ในที่เห็น
วางใจ วางจิตเป็น
ใจสงบ เมื่อพบธรรม….
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม…
…๓ พฤษภาคม ๒๕๖๕…