…ลำนำกวีธรรมยามค่ำคืน…
…ทุกคนต่างก็รู้ว่า อะไรดีอะไรชั่ว อะไรถูกอะไรผิด แต่เรายังคิดและยังทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องเหล่านั้น ที่เป็นเช่นนั้นเพราะองค์แห่งคุณธรรมของเรายังไม่เพียงพอ เราได้แต่รู้เราได้แต่คิด แต่ไม่ได้พิจารณาถึงคุณ ถึงโทษถึงประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ของสิ่งนั้นและเรายังไม่ได้ลงมือทำในการฝึกจิต จึงเป็นได้เพียงความคิดและความฝันซึ่งเป็นเพียง “นามธรรม” อันจับต้องไม่ได้…
….เมื่อสายลมร้อนพัดผ่านกาลเวลา….
๐ สายลม พัดโชย แผ่วเบา
จากเช้า ผ่านสาย บ่ายคล้อย
หมู่เมฆ บนฟ้า ล่องลอย
เรียงร้อย เป็นทิว แถวยาว
๐ นั่งมอง หมู่เมฆ บนฟ้า
นกกา โผบิน เหินหาว
ระลึก ตรึกตรอง เรื่องราว
เมฆขาว เจ้าอยู่ หนใด
๐ ลมพัด ผ่านใบ ไทรอ่อน
มองย้อน ทบทวน ดูใหม่
ต่างคน ต่างจิต ต่างใจ
จึงไป กันคน ละทาง
๐ พิราบ สีขาว บินหาย
เหยี่ยวร้าย แผ่ปีก ออกกว้าง
ความหวัง ตั้งไว้ เลือนราง
ทุกอย่าง นั้นเปลี่ยน แปลงไป
๐ สู่ยุค ของทุน นิยม
สังคม ต้องการ สิ่งใหม่
วัตถุ มีค่า กว่าใจ
โลกไร้ ไม่มี คุณธรรม
๐ กอบโกย แก่งแย่ง แข่งขัน
พวกมัน พวกกู น่าขำ
จิตใจ มีแต่ มืดดำ
ตกต่ำ ไร้ความ ละอาย
๐ ยึดถือ แต่ผล ประโยชน์
ลืมโทษ ทุกข์ภัย ลืมหาย
เพียงเพื่อ พวกกู สบาย
ใครตาย ใครเป็น ช่างมัน
๐ ศีลธรรม เสื่อมจาก ใจคน
เหตุผล จึงเป็น เช่นนั้น
โลกนี้ เสื่อมทราม ทุกวัน
คนนั้น ไม่มี ศีลธรรม
๐ ลมร้อน พัดผ่าน ชายเขา
พัดเอา ซึ่งความ เจ็บช้ำ
สายลม พัดพา เคราะห์กรรม
จดจำ ซึ่งความ เปลี่ยนแปลง
๐ สายลม นั้นอาจ เปลี่ยนทิศ
เหมือนจิต ใจคน ทุกแห่ง
นำไป สู่ความ รุนแรง
แก่งแย่ง เพื่อประ –โยชน์ตน
๐พิราบ กลายเป็น อินทรีย์
เรื่องนี้ เกิดขึ้น หลายหน
อำนาจ เปลี่ยนแปลง ใจคน
วังวน แห่งโลก มายา …
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ -สมณะไร้นาม…
…๑๖ มีนาคม ๒๕๖๔…