…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๗๓…
…ระลึกถึงหัวข้อธรรม เตือนตนอยู่เสมอมาในความเป็นสมณะ ธรรมะที่พระพุทธองค์ตรัสสอนว่าเป็นเครื่องกระทำให้เป็นสมณะอันได้แก่…
๑. พึงศึกษาว่า เราทั้งหลายจักประกอบด้วย หิริ ความละลายต่อความชั่ว โอตตัปปะ ความเกรงกลัวต่อความชั่ว
๒. พึงศึกษาว่า เราจักมีกายสมาจาร คือความประพฤติทางกายที่บริสุทธิ์ที่ตื้น ที่เปิดเผย ไม่เป็นช่อง ประกอบด้วยความสำรวม ทั้งจะไม่ยกตนข่มท่าน ด้วยข้อนั้น
๓. พึงศึกษาว่า เราจักมี วจีสมาจาร คือประพฤติทางวาจา ได้แก่คำพูดที่บริสุทธิ์
๔. พึงศึกษาว่า เราจักมี มโนสมาจาร คือความประพฤติทางใจ คือความคิดอันบริสุทธิ์
๕. พึงศึกษาว่า เราจักมี อาชีวะ คือความเลี้ยงชีพบริสุทธิ์
๖. พึงศึกษาว่า เราจักมีอินทรีย์สังวร ความสำรวมอินทรีย์ คือสำรวม ตาหู จมูก ลิ้น กาย ใจ
๗. พึงศึกษาว่า เราจักมีความรู้ประมาณในการบริโภคอาหาร
๘. พึงศึกษาว่า เราจักประกอบธรรมของผู้ที่ตื่นอยู่ คือไม่เห็นแก่การหลับนอนมากนัก
๙. พึงศึกษาว่า เราจักประกอบสติ คือความระลึกได้ และสัมปชัญญะ คือความรู้ตัวทั่วพร้อมในอิริยาบถใหญ่อิริยาบถน้อยทั้งหลาย
๑๐. พึงศึกษาว่า เราจักปฏิบัติคอยชำระจิตของตนออกจากนิวรณ์ คือกิเลสเป็นเครื่องกั้นจิตทั้งหลาย
๑๑. พึงศึกษาว่า เราจักปฏิบัติทำสมาธิ คือความรวมจิต เข้ามาตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์เดียว ซึ่งเป็นอารมณ์ของสมาธิจนถึงสมาธิขั้นสูง
๑๒. พึงศึกษาว่า เราจักปฏิบัติอบรมจิตให้เกิดปัญญาญาณ คือปัญญาหยั่งรู้เข้าถึงสัจจะ คือความจริงขึ้นไปโดยลำดับ
…นี่คือธรรมะที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนแก่พระภิกษุทั้งหลาย ว่าเป็นเครื่องกระทำให้เป็นสมณะ ซึ่งควรหมั่นคิดและพิจารณากาย วาจา จิต ของเราอยู่เสมอ เพื่อความเป็นสมณะในพระพุทธศาสนา…
…ขอนอบน้อมแด่พระธรรมคำตรัสสอนของพระพุทธองค์…
…ปราถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๕…