…บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๖๕…
…ในยุคสมัยของความฉับไวแห่งข่าวสารวันหนึ่ง ๆ เราต้องรับรู้เรื่องราวมากมายทั้งทางดีและทางร้าย ทั้งความวุ่นวายสับสนและความสงบนิ่ง ทั้งเรื่องจริงและเรื่องไม่จริง ถ้าเราไม่นิ่ง ขาดการใคร่ครวญพิจารณา ไม่มีสติสัมปชัญญะ เราก็จะตามความคิดปรุงแต่งไม่ทัน เข้าไปมีส่วนร่วมในเรื่องราวอารมณ์เหล่านั้น ใจเรามันก็จะวุ่นวาย สับสนและทุกข์ไปด้วย
…เรานั้นคือผู้ดู ผู้ชม ไม่ใช่ผู้แสดง ไม่ใช่ผู้กำกับ ฉะนั้นจงอย่ากระโดดเข้าไปเป็นผู้แสดงเสียเอง ปล่อยให้เขาแสดงกันไปเรามีหน้าที่เป็นผู้ดูดูจนจบและเมื่อจบแล้วให้มันจบไป ดูเรื่องใหม่ต่ออีก ดูให้มันจบเป็นเรื่อง ๆ ไป
…เรื่องที่จบไปแล้ว ก็ไม่ต้องไปสนใจดูเรื่องใหม่ที่กำลังแสดงดูไปวิเคราะห์ไปทำความเข้าใจกับมันไป และเมื่อมันจบเราก็ต้องจบด้วย แต่ถ้าใจเรามันยังไม่จบยังค้างคาใจ พอเรื่องใหม่แสดงเราก็จะไม่มีสมาธิที่จะดู เลยทำให้ไม่รู้เรื่องและบางครั้งเอาทั้งเรื่องเก่าเรื่องใหม่มาปนกันมันจึงไม่ได้เรื่องและไม่รู้เรื่อง สิ้นเปลืองพลังสมองไปโดยใช่เหตุ ไม่เกิดประโยชน์ซ้ำยังเป็นโทษต่อตัวเอง
…นี้คือข้อคิดและหลักการดำเนินชีวิตที่จะทำให้ไม่สับสนและวุ่นวาย ไม่เป็นทุกข์…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๔…