…บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๔…
…“อันว่าไม้จันทน์นั้น แม้จะแห้งก็ไม่ทิ้งกลิ่น หัสดินก้าวลงสู่สงครามแล้วไม่ทิ้งลีลา อ้อยแม้เข้าสู่หีบยนต์แล้วย่อมไม่ทิ้งรสหวาน บัณฑิตแม้จะประสพกับปัญหาของชีวิตหรือได้รับความทุกข์ยากลำบากสักปานใดก็ไม่ทิ้งธรรม”…
…ชีวิตกับวันเวลาฉันถามตัวเองเสมอว่า วันเวลาที่ผ่านไปนั้นเราได้อะไรจากวันเวลาและคุ้มค่ากับวันเวลาที่ผ่านล่วงเลยไปหรือไม่เพื่อไม่ให้เราหลงกับวัยและเวลาชีวิตที่เหลืออยู่จะได้เร่งสร้างคุณค่าให้กับชีวิต แม้นเพียงสักน้อยนิดก็ยังดีกว่าที่จะไม่ได้ทำอะไรไม่ได้หวังว่าจะต้องได้ในชาตินี้หรือชาติหน้า เพียงแต่ตั้งใจว่าจะทำเรื่อย ๆ ไป ถึงเมื่อไหร่ไปเมื่อนั้นจะไม่สร้างความกดดันให้กับตัวเองเหมือนที่เคยผ่านมา เพราะว่าจะทำให้เกิดอาการเกร็ง เพราะไปเคร่งเกินไปแล้วมันจะทำให้เครียด…
…สารพัด ความคิด จิตมนุษย์
ไม่สิ้นสุด มากมาย หลายเหตุผล
แสวงหา ประโยชน์ ซึ่งส่วนตน
ต่างดิ้นรน ไขว่คว้า มาครอบครอง
…เมื่อศีลธรรม สูญพราก จากความคิด
ความถูกผิด หมดไป ในสมอง
ไร้ไมตรี ไม่มี ความปรองดอง
ต่างสนอง ตัณหา มาสู่ตัว
…ไร้มิตรแท้ และศัตรู ที่ถาวร
ลืมคำสอน ถูกผิด และดีชั่ว
เพราะว่าจิต คิดไป ให้เมามัว
เห็นแก่ตัว ลืมซึ่ง คุณธรรม
…เมื่อศีลธรรม หายไป ให้เกิดทุกข์
หมดสิ้นสุข เพราะจิตใจ ไปถลำ
ให้ความชั่ว ความโลภ เข้าครอบงำ
จิตเลยต่ำ หมดค่า คำว่าคน…
…ขอบคุณลมหายใจที่ยังมีอยู่
ขอบคุณกาลเวลาที่ให้โอกาส …
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
… ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔…