…จากการเดินทางบนสายธรรม บทที่ ๔๔…
“ธรรมชาติของจิตย่อมผุดผ่อง แต่เศร้าหมองด้วยอุปกิเลสที่จรมา”
“ปภสฺสรมิทํ ภิกฺขเว จิตฺตํ ตญฺจ โข
อาคนฺตุเกหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺฐํ”
…พุทธสุภาษิต เอกนิบาต ๒๐/๙…
…มนุษย์ทุกคนมีความคิด ถูกหรือผิด ต่างรู้อยู่แก่ใจ แต่ที่ยังกระทำลงไปในสิ่งผิด เป็นเพราะขาดจิตสำนึกแห่งคุณธรรม ที่จะหักห้ามมิให้กระทำผิด
…จิตสำนึกต้องผ่านการฝึกฝน ฝึกนึกฝึกคิดปรับจิตให้เป็นกุศล ฝึกพูดในสิ่งที่เป็นมงคลแก่ตนและผู้อื่น ฝึกกระทำในสิ่งที่คิดและพูดที่เป็นความดี เพียรกระทำอย่างนี้อย่างสม่ำเสมอ ให้เกิดเป็นนิสัยความเคยชิน
…จิตสำนึกแห่งคุณธรรม นั้นคือความรู้สึกละอายและเกรงกลัวต่อบาปกรรมเพราะเมื่อเราไม่กล้าทำบาป เราจะทำความดี คนทำความดีจิตใจจะอ่อนโยนมีเมตตา รู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และเสียสละลดละความเห็นแก่ตัว ลงไปได้ตามสภาวะ
…การปฏิบัติธรรม สิ่งที่ได้มานั้นคือคุณธรรม ภูมิธรรมและภูมิปัญญาเรามิได้ฉลาดขึ้น แต่เรานั้นได้เห็นความโง่ของตัวเองมากขึ้น เห็นในสิ่งที่เรายังไมรู้และเห็นในสิ่งที่เรานั้นยังหลงข้องติดอยู่
…เรามิได้เก่งกล้า แต่เราได้เห็นความอ่อนแอและความขี้ขลาดหวาดกลัวที่เรานั้นมีความกล้า เพราะว่าเรากลัวจึงแสดงออกซึ่งความกล้าเพื่อปกป้องความอ่อนแอของตัวเราเอง…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒ มกราคม ๒๕๖๕…