…โลกเคลื่อนไหวอย่าหวั่นไหวไปตามโลก… (กาพย์ยานี ๑๑)
…มากมายหลายเรื่องราว ซึ่งข่าวคราวที่ส่งมา
ร้อยเรื่องร้อยปัญหา ทำให้คิดและติดตาม
ทางโลกและทางธรรม จิตน้อมนำมิมองข้าม
เฝ้าดูอยู่ทุกยาม เฝ้าดูจิตที่คิดไป
ผัสสะมากระทบ และมันจบลงที่ใจ
บางครั้งจิตหวั่นไหว ต่อผัสสะที่มีมา
คล้อยตามกระแสโลก จึงทุกข์โศกกับปัญหา
เพราะจิตมีอัตตา ชี้ถูกผิดด้วยจิตตน
พลั้งเผลอใช่พลั้งพลาด มีโอกาศจะฝึกฝน
เผลอไปให้รู้ตน เตือนสติให้กลับมา
วางจิตอยู่ในกาย ไม่เสาะส่ายออกไปหา
ดูจิตดูกายา ไม่ส่งจิตออกนอกกาย
จิตที่ส่งออกนั้น รู้ให้ทันอย่าให้หาย
เป็นเหตุสมุทัย ทำให้ทุกข์นั้นเกิดมา
จิตรู้จิตเห็นจิต เห็นความคิดรู้ปัญหา
สิ่งนั้นคือมรรคา ที่จะดับทุกข์นั้นไป
ผลจากการเห็นจิต ดับสนิทสิ้นสงสัย
สว่างขึ้นในใจ เป็นนิโรธที่ดับลง
วางจิตไว้ในกาย อย่างมั่นหมายมิไหลหลง
ตั้งจิตให้มั่นคง โดยเอาธรรมมานำทาง
นำทางสร้างชีวิต และนำจิตสู่สว่าง
เดินในทางสายกลาง ตามมรรคแปดควบคุมตน
…ชีวิตอิสระ ไร้พันธะเพราะหลุดพ้นหลุดออกจากวังวน ในวัฏฏะที่เป็นมา เข้าสู่กระแสธรรม บุญหนุนนำให้ล้ำค่า ก่อเกิดซึ่งปัญญา ตาสว่างเพราะทางธรรม…
…ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร…
…๓ ธันวาคม ๒๕๕๔…