… สรุปลงในพระไตรลักษณ์ …
…ทุกสิ่งทุกอย่าง “มันเป็นเช่นนั้นเอง” ไม่ว่าเรื่องอะไร ถ้าเราพิจารณาเข้าหาพระไตรลักษณ์ มันก็ไม่หนักใจทุกข์ใจเพราะเราไม่เข้าไปยึดถือ มันก็เลยไม่เป็นทุกข์ ที่เราทุกข์ก็เพราะเราเข้าไปยึดถือ
…การปฏิบัติธรรมคือการศึกษาฝึกฝนเพื่อให้หลุดพ้นจากการยึดถือ ฝึกจากสิ่งทำได้ง่ายไปสู่สิ่งที่ทำได้ยากจากสิ่งที่หยาบไปสู่สิ่งที่ละเอียดเพื่อความรู้ความชำนาญ เพื่อสั่งสมประสบการณ์ไปเรื่อย ๆ โดยค่อยเป็นค่อยไป สร้างเหตุสร้างปัจจัยไปเรื่อย ๆ อย่าได้ลดละความพยายามในการกระทำความดี
…ความเจริญในธรรมจะเกิดขึ้นได้นั้นต้องอาศัยเหตุและปัจจัยของเจตนาที่เป็นกุศลจิตเป็นพื้นฐาน คิดและทำไปตามลำดับชั้น แต่ละขั้นแต่ละตอนอย่างเป็นระบบและมีระเบียบมีวินัยกับชีวิตให้เป็นนิจ จิตจึงจะมั่นคงและทรงอยู่ได้ในสภาวธรรมทั้งหลายนั้น
…แต่ถ้าเราปฏิบัติละเลยข้ามขั้นตอนรากฐานมันจะไม่มั่นคง ดำรงทรงอยู่ได้ไม่นานก็เสื่อมไป เพราะไม่มีพื้นฐานที่ดีและมั่นคงที่จะรองรับสภาวธรรมอันดีงามให้ทรงอยู่ได้
…กัมมัฏฐานคือการกระทำจากรากฐานขึ้นไป ไม่ใช่ทำจากส่วนที่สูงลงมาฐานที่ว่าก็คือต้องมีศรัทธาเป็นพื้นฐานศรัทธาคือบ่อเกิด จุดกำเนิดขององค์แห่งคุณธรรมทั้งหลาย การสร้างความศรัทธารักษาเพิ่มพูนศรัทธา ให้ยิ่งขึ้นและมั่นคง คือสิ่งสำคัญอันดับแรกที่ต้องกระทำต้องสร้างให้เกิดขึ้นในจิตใจเรา คือศรัทธาในพระรัตนตรัยศรัทธาในกุศลความดีทั้งหลาย สิ่งนี้คือพื้นฐานที่ดีของนักปฏิบัติธรรมและผู้ที่สนใจในธรรมทั้งหลาย ที่จะน้อมนำไปสู่คุณธรรมอันยิ่งใหญ่ในโอกาสต่อไป…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๖ มิถุนายน ๒๕๖๕…