กระแสธรรมแห่งกาลเวลา

…กระแสธรรมแห่งกาลเวลา…

…บอกกล่าวแก่ผู้ร่วมปฏิบัติธรรมเสมอว่า “ไม่เกร็ง ไม่เคร่ง ไม่เครียด” ปล่อยจิตสบายๆ โดยมีสติและสัมปชัญญะควบคุมอยู่ ตามดูกายตามดูจิต ตามดูความคิด ตามดูการกระทำ อยู่แบบปกติธรรมดาๆทำหน้าที่ของเราไปตามที่ต้องกระทำตามปกติ “ไร้กระบวนท่า แต่อย่าไร้สาระ”

…ผู้ปฏิบัติธรรมส่วนมากนั้นไปยึดติดในรูปแบบมากเกินไปในการปฏิบัติธรรม ไปคิดนึกยึดถือว่าการปฏิบัติธรรมนั้น ต้องเดินจงกรมต้องนั่งสมาธิ ต้องยืนกำหนดถ้าไม่ใช่อิริยาบถเหล่านั้นแล้วไม่ใช่การปฏิบัติ จะปล่อยจิตไปตามกิเลส จะกำหนดใหม่ก็ตอนเดินจงกรมนั่งสมาธิหรือยืนกำหนดเท่านั้นการปฏิบัติจึงไม่ค่อยจะก้าวหน้าเพราะว่าทอดทิ้งธุระนานเกินไปในวันหนึ่งๆ เพราะเมื่อก่อนนั้นเราก็เคยเป็นแบบนั้นมาแล้วแต่เมื่อเรารู้ เราเข้าใจมากขึ้นเราเห็นข้อบกพร่องที่แล้วมาของเราในการปฏิบัติ จึงได้ปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องเสียใหม่ คือหันมาเจริญสติในทุกอิริยาบถของร่างกายไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ทำโดยมีสติและสัมปชัญญควบคุมอยู่ตลอดเวลา ตามหลักของ “มหาสติปัฏฐานสูตร” ในหมวด “อิริยาบถบรรพ” มันจึงเป็นการปฏิบัติแบบไร้กระบวนท่า ไร้รูปแบบแต่ไม่ไร้สติแลสัมปชัญญะ

…นึกถึงคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ที่ท่านกล่าวเปรียบเทียบว่า “การปฏิบัติเหมือนกับการหัดเขียนหนังสือ” เริ่มแรกต้องหัดเขียนไปตามแบบไปก่อน จนมีความชำนาญแล้ว จึงเขียนตามความถนัดของเราเอง ซึ่งเรียกว่าลายมือของเรา ก่อนที่จะไร้กระบวนท่านั้นมันต้องผ่านการศึกษาและปฏิบัติมาทุกรูปแบบกระบวนท่า จนมีความช่ำชองเชี่ยวชาญเสียก่อน ก่อนที่จะละทิ้งกระบวนท่าและรูปแบบ…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *