…ไม่ต้องค้นหา ไม่ต้องแสวงหา เพราะว่าของที่ค้นหาหรือแสวงหานั้น พระพุทธเจ้าได้แสวงหาและค้นหาจนพบแล้วและได้ประกาศไว้อย่างชัดเจนไม่มีการซ่อนเร้นหรือปิดบังหน้าที่ของเราคือการทำความเข้าใจและยอมรับในสิ่งนั้นแล้วเดินตามทางที่พระองค์ได้ชี้แนะไว้
…ไม่ต้องไปเสียเวลากับแสวงหา หรือค้นหาสิ่งนั้นให้วุ่นวาย มันขึ้นอยู่กับใจของเราที่จะยอมรับและยอมปฏิบัติตามในธรรมที่พระองค์ได้ทรงตรัสไว้หรือไม่ มันอยู่ที่ตัวเรา
…แนวทางทั้งหลายนั้น พระพุทธองค์ ทรงได้ตรัสบอกไว้แล้วและมีแบบอย่างของพระอริยะสงฆ์สาวกของพระพุทธองค์ได้ปฏิบัติสืบทอดกันมา เป็นเวลายาวนานจนถึงวันนี้ ๒๕๐๐ กว่าปีมาแล้วเพียงเราเปิดใจยอมรับความเป็นจริง ละทิ้งทิฏฐิและอัตตาเราก็สามารถที่จะเดินไปตามทางสายนั้นได้ มันอยู่ที่ใจเรานั้นพร้อมแล้วหรือยัง…
…ระลึกธรรม ถึงคำสอนของครูบาอาจารย์…
๐ น้อมเอาธรรม คำสอน แต่ก่อนกาล
พระอาจารย์ ท่านสอน แต่ก่อนเก่า
ให้ดูกาย ให้ดูจิต ความคิดเรา
ดูแล้วเอา มาเป็น เส้นแนวทาง
…“ ทุกข์เท่านั้น เกิดมา พาหลงใหล
สมุทัย ที่กำเนิด เกิดทุกอย่าง
นิโรธธรรม นำไป ให้ถูกทาง
มรรคนั้นสร้าง ทางสัจจะ สู่พระธรรม
เป็นของจริง จากสัจจะ อริยะ
องค์พุทธะ เลิศล้น ชนดื่มด่ำ
บอกโลกรู้ ดูให้เป็น จึงเห็นธรรม
เพื่อจะนำ ชีวิต ไม่ผิดทาง “…
๐ คือบทกลอน สอนใจ ชวนให้คิด
ชี้ถูกผิด นำมา เป็นแบบอย่าง
ปฏิบัติ ได้ตรง ไม่หลงทาง
คือแบบอย่าง ของครูบา พระอาจารย์
๐ สอนให้คิด สอนให้ทำ และนำชี้
รู้ชั่วดี มีความคิด จิตอาจหาญ
ทำให้ดี ทำให้ชอบ ประกอบการ
การทำงาน ทั้งทางโลก และทางธรรม
๐ ไม่มีใคร รู้ซึ้ง เท่าหนึ่งจิต
เห็นสิ่งผิด ทางชั่ว ไม่ถลำ
มุ่งทางดี ทางชอบ ประกอบกรรม
สิ่งที่ทำ นำสุข เพื่อทุกคน
๐ เอาพระธรรม นำทาง สร้างชีวิต
นำความคิด นำจิต สู่กุศล
เพื่อให้เกิด ประโยชน์ท่าน ประโยชน์ตน
เพื่อฝึกฝน เจริญจิต ภาวนา
๐ เพราะส่งจิต ไปนอกกาย ทำให้ทุกข์
คิดว่าสุข ทำไป ตามตัณหา
เพราะโลภหลง รักใคร่ ในกามา
จึงนำพา ให้เวียนว่าย ในวังวน…
… ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๕…