…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๗…
…ถามตัวเองอยู่เสมอว่า วันเวลาที่ผ่านไปนั้น เราได้อะไรจากวันเวลาและคุ้มค่ากับวันเวลาที่ผ่านไปหรือไม่เพื่อไม่ให้เราหลงกับวัยและเวลาชีวิตที่เหลืออยู่จะได้เร่งสร้างคุณค่าให้กับชีวิต แม้นเพียงสักน้อยนิดก็ยังดีกว่าที่เรานั้นจะไม่ได้ทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน ทั้งประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน ไม่ได้หวังว่าจะต้องได้ในชาตินี้หรือชาติหน้าเพียงแต่ตั้งใจว่าจะทำไปเรื่อย ๆ ถึงเมื่อไหร่ไปเมื่อนั้น จะไม่สร้างความกดดันให้กับตัวเองเหมือนที่เคยผ่านมา เพราะว่าจะทำให้เกิดอาการเกร็ง เพราะไปเคร่งแล้วมันจะเครียด เป็นการเบียดเบียนตนเองความเจริญในธรรมทั้งหลายก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะว่าความกังวลกดดันมาขวางกั้นความเจริญในธรรมทั้งหลายมิให้เกิดขึ้น…
…รุ่งอรุณของชีวิตนิมิตใหม่…
…ดูหนัง ดูละคร
แล้วจงย้อน มาดูตัว
กายใจ รู้ให้ทั่ว
มีสติ ดำริการ
…สติ ระลึกรู้
ติดตามดู อยู่กับงาน
เอาธรรม นำประสาน
ควบคุมจิต เมื่อคิดทำ
…รู้ตัว รู้ทั่วพร้อม
จิตนำน้อม กุศลกรรม
ปลุกจิต คุณธรรม
เพื่อกำหนด ทิศทางไป
…เริ่มต้น ในวันนี้
ในสิ่งที่ ควรแก้ไข
ฝึกจิต ฝึกกายใจ
นั้นให้มี ความคุ้นเคย
…คุ้นเคย ในความดี
ที่เคยมี อย่านิ่งเฉย
เพียรเพ่ง อย่าละเลย
เร่งปลุกจิต ปลุกศรัทธา
…อย่ามัว นอนคิดฝัน
ผ่านคืนวัน โดยไร้ค่า
อย่าให้ เสียเวลา
เสียโอกาส ที่พึงมี
…ตั้งใจ และทำจริง
ทำในสิ่ง ที่คิดนี้
ทำไป ให้มันดี
ตามจังหวะ และเวลา
…ปลายทาง ของชีวิต
สิ่งที่คิด ที่ใฝ่หา
ต้องใช้ กาลเวลา
จึงจะเห็น ความเป็นจริง
…เริ่มต้น ในวันนี้
เริ่มความดี ในทุกสิ่ง
ทำไป ทำให้จริง
ย่อมเกิดผล ที่ตามมา
สร้างเหตุ สร้างปัจจัย
สะสมไว้ กันเถิดหนา
ปลุกจิต ปลุกศรัทธา
เพื่อสร้างฝัน นั้นเป็นจริง…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๕…