…ปรารภธรรมในยามใกล้ค่ำที่เริ่มหนาว…
…การมีสติรู้ตัวทั่วพร้อม เรียกว่า ทำความเพียร ไม่จำเป็นว่าต้องนั่งสมาธิเดินจงกรม จึงจะเรียกว่าทำความเพียรถ้าไม่มีสติรู้ตัว ฟุ้งซ่านไป คิดไปเรื่อยก็ไม่เรียกว่าทำความเพียร ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใด จะยืน เดิน นั่ง นอนถ้าเรามีสติรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ในขณะนั้น จึงเรียกว่าเรากำลังทำความเพียร
…ให้มีสติอยู่กับ กาย เวทนา จิต ธรรม เอาจิตพิจารณาอยู่กับสิ่งทั้งสี่ตลอดเวลาพิจารณาอย่างแยบคายทำอย่างนี้ให้เป็นนิสัย จนกลายเป็นความเคยชินเอาธรรมเป็นผู้ตัดสินในทุกสิ่งอยู่เสมอๆแล้วใจจะสบาย
…การปฏิบัติธรรมนั้น เมื่อพอจะเริ่มรู้และเข้าใจในธรรม ให้ระวังตัวมานะทิฏฐิเป็นอย่างมาก เพราะจะหลงไปคิดว่าคนอื่นไม่ดีเท่าเรา ไม่เก่งเท่าเราเราดีกว่าผู้อื่น เก่งกว่าผู้อื่น จะทำให้ขาดความเคารพต่อครูบาอาจารย์ลบหลู่ครูบาอาจารย์และผู้ปฏิบัติธรรมท่านอื่น แม้จะดูภายนอกอ่อนน้อมแต่จิตใจเย่อหยิ่ง มันเป็นจิตวิปลาสสัญญาวิปลาส
…เมื่อเราเพียรเพ่งดูจิต ดูความคิดให้จิตอยู่กับตนเองตลอดเวลาเราก็จะเข้าใจในสังขาร ร่างกายและจิตของเรา ความว่างทางจิตนั้นคือความว่างจากอารมณ์ยินดี ยินร้ายแต่ไม่ว่างจากตัวรู้ ยังตามดูตามเห็นแต่จิตไม่ไปคิดปรุงแต่ง…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม…
…๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๕…