…รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๔๗…
…“นิ่งสงบ สยบความเคลื่อนไหว” วิธีการอย่างนี้ต้องใช้ให้เหมาะสมกับจังหวะ เวลา โอกาส สถานที่และตัวบุคคล มันจึงจะได้ผล ทุกอย่างนั้นต้องมีการวิเคราะห์และพิจารณาว่าควรจะทำอย่างไร ซึ่งเราต้องปรับปรุง เปลี่ยนแปลงและแก้ไข ให้เหมาะสมกับสถานการณ์อยู่เสมอ
…“สัพเพ ธัมมา อนัตตา” สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ทั้งที่เป็นสังขารและมิใช่สังขารทั้งหมดทั้งสิ้น ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตนไม่ควรถือว่าเรา ว่าของเรา ว่าตัวว่าตนของเรา ธรรมเป็นสัจธรรมที่อยู่คู่กับโลกและธรรมชาติตลอดมาแต่ความเป็นอนัตตานั้นคือการนำมาปรับใช้ในการปฏิบัติ ซึ่งเราจะไปยึดติดกับข้อใดข้อหนึ่งอยู่ตลอดไม่ได้ต้องมีการปรับใช้ให้เหมาะสมอยู่ตลอดเวลาตามสถานการณ์เพราะว่าเงื่อนไข เหตุและปัจจัยของเหตุการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปเสมอ ทุกสิ่งทุกอย่างจึงขึ้นอยู่กับ จังหวะ เวลา โอกาสสถานที่และตัวบุคคล มาเป็นเหตุผลในการพิจารณาเพื่อจะหาข้อธรรมมาสงเคราะห์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์
…การที่เรานิ่งสงบไม่แสดงออก ไม่มีการตอบโต้ใดๆ มันทำให้เขาอ่านใจเราไม่ออกไม่รู้ว่าเราคิดอะไรและจะทำอะไรแต่ถ้าเราเคลื่อนไหวโต้ตอบเขาจะอ่านเราออกได้ว่าเรารู้สึกอย่างไร
…การนิ่งสงบและการแกล้งโง่นั้นบางครั้งมันบอกอะไรเราได้มากมายหลายอย่าง เราจะได้รู้ ได้เห็นและเข้าใจในพฤติกรรมของคนรอบข้างว่ามีอุปนิสัยอย่างไร ภูมิธรรม ภูมิปัญญาระดับไหน มันจะบอกเราได้โดยการนิ่งสงบและแกล้งโง่แกล้งบ้า
…ดั่งที่เคยกล่าวอยู่เสมอว่า “นิ่งไม่เป็นโง่ไม่เป็น เป็นใหญ่ยาก” เพราะบางครั้งที่เราแสดงความคิดอวดฉลาด อวดรู้ออกไปนั้น เป็นการเอาความโง่ของเราออกมาประจานตัวเราเอง คำพูดและการกระทำมันสามารถที่จะนำมาวิเคราะห์ว่าเขาเป็นอย่างไร ภูมิธรรมภูมิปัญญาระดับไหน มาจากความจริงใจหรือว่าเป็นมายา เมื่อเรานิ่งย่อมจะมีเวลาที่จะตั้งสติและมีสมาธิในการคิดพิจารณา สติ สมาธิ ปัญญา คือแนวทางของการแก้ปัญหาทุกอย่างของชีวิต….
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๑๗ เมษายน ๒๕๖๕…