…รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๕๐…
…ชีวิตแต่ละวันที่ผ่านไปเหมือนไม่ได้ปฏิบัติธรรม เพราะใช้ชีวิตและทำงานตามปกติ ไม่ได้นั่งสมาธิ ไม่ได้เดินจงกรม เจริญสติและสัมปชัญญะกับการเคลื่อนไหวของร่างกาย ดูความรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้นในจิตทุกขณะแยกแยะความเป็นกุศลและอกุศลพยายามเตือนตนไม่ให้เผลอจิตไปในสิ่งที่เป็นอกุศล
…เมื่อเรามีสติและสัมปชัญญะอยู่กับกาย อยู่กับจิต อยู่กับความคิดอยู่กับการกระทำ นั้นแหละคือการปฏิบัติธรรม เหมือนดั่งคำสอนของหลวงพ่อพุทธทาสที่ท่านกล่าวไว้ว่า “การทำงานคือการปฏิบัติธรรม” เพราะมีสติและสัมปชัญญะที่เป็นสัมมาคุ้มครองกายและจิตอยู่ทุกขณะ…
๐ วิถีแห่งคนจร
จึงเร่ร่อนไปทุกที่
จากไปนานหลายปี
ตามวิถีแห่งคนจร
๐ สายลมอาจเปลี่ยนทิศ
แต่ดวงจิตไม่สั่นคลอน
ศรัทธาไม่ถอดถอน
จำคำสอนครูอาจารย์
๐ ยามอยู่ให้เขารัก
อยู่เป็นหลักช่วยเจือจาน
กล่าวธรรมนำขับขาน
อยู่ประสานสามัคคี
๐ ถึงคราวที่จะจาก
เราต้องฝากซึ่งความดี
คำสอนของท่านนี้
คือสิ่งที่ต้องจดจำ
๐ จดจำนำมาใช้
สิ่งชั่วร้ายไม่กลายกล้ำ
เดินตามเส้นทางธรรม
เดินตามคำครูอาจารย์
๐ คนจรย้อนคืนถิ่น
คืนวันสิ้นไปตามกาล
เรื่องราวที่เล่าขาน
คือตำนานการเดินทาง
๐ บันทึกความทรงจำ
เป็นลำนำเพื่อสรรค์สร้าง
รอยธรรมจากรอยทาง
ทุกก้าวย่างคือบทเรียน…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๐ เมษายน ๒๕๖๕…