รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๕๖

…รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๕๖…

…ในความเป็นสมณะนั้นมีกฎเกณฑ์กติกาของความเป็นสมณะคุ้มครองอยู่โดยศีลและธรรม ไม่ผิดข้อวัตรตามพุทธบัญญัติและไม่เป็นไปให้ชาวโลกเขาติเตียนได้ มันจึงมิใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้ใจนั้นสงบ ท่ามกลางความวุ่นวายของสังคมที่กำลังดำเนินไป

…จึงต้องมีการปรับปรุงใหม่ ปรับกายปรับจิต ปรับความคิด ปรับการกระทำเพิ่มกำลังของสติและสัมปชัญญะให้มีกำลังมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับกับผัสสะสิ่งกระทบทั้งหลาย ที่สามารถจะเกิดขึ้นได้ทุกเวลาจากอายตนะทั้งหก คือตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจให้มีสติและสัมปชัญญะรู้เท่าทันการเกิดดับของสรรพสิ่งรอบกายรู้จักควบคุมและข่มซึ่งกิเลสตัณหาลดละอัตตาและมานะทิฏฐิให้เบาบางลง พยายามทรงไว้ซึ่งอารมณ์สมาธิ ให้มีอารมณ์ปีติหล่อเลี้ยงจิตพยายามนึกคิดถึงสิ่งที่เป็นกุศลฝึกตน ด้วยการเจริญสติ ตั้งอยู่ในพรหมวิหาร ๔ อันมี เมตตา กรุณามุฑิตา อุเบกขาเป็นหลักที่พักจิตปรับความคิดให้มองโลกในแง่ดีพิจารณาให้เห็นถึงคุณ ถึงโทษถึงประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ในทุก ๆ สิ่ง เห็นความเป็นจริงของกฎแห่งธรรมชาติ ซึ่งเป็นกฎของพระไตรลักษณ์ คือความเป็น อนิจจังทุกขัง อนัตตา การเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป โดยใช้หลักธรรมในอริยสัจ ๔ มาประกอบในการคิดและพิจารณา

…สิ่งที่มากระทบทั้งหลายล้วนเป็นเหตุแห่งทุกข์ ค้นหาซึ่งเหตุที่มาแห่งทุกข์นั้น จนเห็นที่เกิดแห่งทุกข์ พิจารณาให้เห็นการดับไปแห่งทุกนั้น เมื่อรู้เห็นและเข้าใจในเหตุและปัจจัยให้เกิดทุกข์พิจารณาหาหนทางที่จะดับซึ่งเหตุและปัจจัยแห่งทุกข์ทั้งหลายนั้นให้เป็นสมุจเฉทคือการดับเหตุและปัจจัย ตัดวงจรแห่งทุกข์นั้นแล้วน้อมนำเอาสิ่งที่ได้คิดพิจารณาได้รู้ ได้เห็น ได้เข้าใจ มาลงมือปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม การดับทุกข์ย่อมบังเกิดขึ้น จิตจะเข้าถึงซึ่งความสงบ เมื่อจิตนั้นพบกับธรรม…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๖ เมษายน ๒๕๖๕…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *