…รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๕๙…
…ผู้ชี้ขุมทรัพย์…
…อานนท์ ! เราไม่พยายามทำกะพวกเธออย่างทะนุถนอม เหมือนพวกช่างหม้อทำแก่หม้อ ที่ยังเปียก ยังดิบอยู่
…อานนท์ ! เราจักขนาบแล้ว ขนาบอีกไม่มีหยุด
…อานนท์ ! เราจักชี้โทษแล้ว ชี้โทษอีกไม่มีหยุด ผู้ใดมีมรรคผลเป็นแก่นสารผู้นั้นจักทนอยู่ได้.
…อุปริ. ม. ๑๔/๒๔๕/๓๕๖…
…คนเรา ควรมองผู้มีปัญญาใด ๆ ที่คอยชี้โทษ คอยกล่าวคำขนาบอยู่เสมอไปว่าคนนั้นแหละ คือ ผู้ชี้ขุมทรัพย์ควรคบบัณฑิตที่เป็นเช่นนั้นเมื่อคบหากับบัณฑิตชนิดนั้นอยู่ย่อมมีแต่ดีท่าเดียว ไม่มีเลวเลย…
…ธ. ขุ. ๒๕/๒๕/๑๖…
…รักษาธรรม รักษาจิต ให้คิดดี…
…เอาสติ ระลึกรู้ อยู่กับกาย
เพื่อผ่อนคลาย ความกังวล ในปัญหา
ทำจิตว่าง ปล่อยวาง ซึ่งอัตตา
เกิดปัญญา ระลึกรู้ อยู่กับธรรม
…มีสติ ระลึกรู้ อยู่กับจิต
รู้ความคิด ของจิต ที่ลึกล้ำ
เอากุศล ผลบุญ มาหนุนนำ
ประกอบกรรม กุศล ให้ตนเอง
…ไม่อวดดี อวดรู้ หมิ่นผู้อื่น
ไม่แข็งขืน อวดศักดา ว่าข้าเก่ง
ไม่ขมขู่ ให้ผู้อื่น นั้นกลัวเกรง
ไม่อวดเบ่ง ข่มเหง ให้คนกลัว
…เฝ้ามองกาย มองจิต คิดวิเคราะห์
ดูให้เหมาะ ในสิ่งที่ ดีและชั่ว
รักษาจิต ภายใน ไม่หมองมัว
รู้พร้อมทั่ว กายใจ อยู่ในธรรม
…เมื่อจิตว่าง ละวาง ซึ่งปัญหา
เกิดปัญญา ทางจิต ที่ลึกล้ำ
รู้ดีชั่ว สิ่งใดชอบ ประกอบกรรม
รักษาธรรม รักษาจิต ให้คิดดี
…เอาทั้งโลก และธรรม นำมาคิด
และเอาจิต ดูจิต ในทุกที่
จิตเห็นจิต เห็นความคิด ที่ตนมี
ฝึกอย่างนี้ เป็นประจำ ให้ชำนาญ
…ไม่มีใคร รู้ซึ้ง เท่าหนึ่งจิต
ถ้าได้คิด ก่อเกิด และสืบสาน
อยู่กับธรรม รักษาธรรม ให้ยาวนาน
สร้างพื้นฐาน ทางธรรม ประจำใจ
…หมั่นฝึกฝน ตนนั้น อยู่เสมอ
เพื่อให้เจอ ธรรมะ ตัวใหม่ใหม่
ความเจริญ ในธรรม ก้าวหน้าไป
ฝึกที่ใจ ฝึกที่จิต คิดแล้วทำ…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๙ เมษายน ๒๕๖๕…