…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๖…
…ดั่งที่เคยได้กล่าวไว้ “ถ้าเชื่อทันทีอาจจะนำไปสู่ความงมงายถ้าปฏิเสธทันที อาจจะทำให้เราขาดประโยชน์ที่ควรจะได้รับเราจึงควรที่จะคิดพิจารณา ไตร่ตรองให้รอบคอบในสิ่งที่รู้ที่เห็นควรจะทดลองพิสูจน์ ฝึกฝนที่ใจตนให้เกิดความกระจ่างชัด รู้ซึ้งถึงเหตุและปัจจัย ความเป็นมา เป็นไปให้ขึ้นด้วยใจตน แล้วจึงจะเชื่อหรือปฏิเสธ โดยเอาเหตุและผลที่เป็นจริงมาเป็นที่ตั้ง แล้วทุกอย่างก็จะสรุปจบลงที่ใจ”
…การปฏิบัติธรรม เป็นการทำเฉพาะตน ตามกำลังความรู้ความสามารถของตน สภาวธรรมทั้งหลายเป็นของเฉพาะตนครูบาอาจารย์ท่านกล่าวเตือนไว้ให้ดูตัวเราเอง ในข้อวัตรปฏิบัติของเรานั้น ว่ามันเป็นอย่างไรมันตึงเกินไปหรือว่าหย่อนยานเกินไป แก้ไขปรับปรุงตัวเองให้มีความพอดี มีความเหมาะสมกับจังหวะ เวลา โอกาส สถานที่และบุคคล…
…นกขมิ้นเหลืองอ่อน
บินจรร่อนเร่ไปทั่วทุกถิ่น
ไม่อาทรกิ่งคอนเคยหากิน
ท่องไปทั่วถิ่นลำเนาไพร
หัวใจเจ้านั้นอิสระ
ไร้พันธะผูกมัดมารัดไว้
ไร้ซึ่งความห่วงหาและอาลัย
เจ้าบินไปตามจินตนาการ
…ค่ำไหนเกาะคอนนอนที่นั้น
รุ่งแจ้งเจ้าพลันบินลับหาย
ทิ้งคอนเคยนอนพักพิงกาย
ไร้ซึ่งจุดหมายการเดินทาง
ทั้งผืนพฤกษ์ไพรนั้นคือถิ่น
โผบินจากลาเมื่อฟ้าสาง
ไม่เคยยึดติดเจ้าปล่อยวาง
หัวใจเจ้าช่างมีเสรี
…ฉันเป็นเช่นนกที่โผบิน
ทิ้งถิ่นอาศัยไปทุกที่
ท่องไปตามใจที่เสรี
ร่ายบทกวีตามรายทาง
ไม่หวังลาภยศสรรเสริญ
เพลิดเพลินอยู่กับกรรมดี
ฉันนี้คือวจีพเนจร…
…ศรัทธา-ปรารถนาดี…
…รวี สัจจะ-วจีพเนจร…
…๖ เมษายน ๒๕๖๕…