เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๕๓

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๕๓…

…สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ นิคมของชาวศักยะ ในแคว้นสักกะครั้งนั้นท่านพระอานนท์ ได้เข้าเฝ้าแล้วกราบทูลพระพุทธองค์ว่า…

“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ความเป็นผู้มีมิตรดี มีสหายดี และมีเพื่อนที่ดีนั้นนับว่าเป็นครึ่งหนึ่งของพรหมจรรย์ทีเดียวนะ พระเจ้าข้า”

…พระพุทธองค์ ได้ตรัสค้านขึ้นว่า…

“อานนท์ ! เธออย่าพูดอย่างนั้น เธออย่าได้กล่าวอย่างนั้น ก็ความเป็นผู้มีมิตรดี มีสหายดี และมีเพื่อนที่ดีนั้นนับว่าเป็นพรหมจรรย์หมดทั้งสิ้นทีเดียวอานนท์ ! อันพระภิกษุผู้มีมิตรดี มีสหายดีและมีเพื่อนที่ดี ก็เป็นอันหวังได้แน่นอนว่าจะได้เจริญอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘จะกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘…”
…อุปัฑฒสูตร ๑๙/๒…

…กวีธรรมนำทางสว่างจิต…

๐ ทุกชีวิต คิดฝัน ถึงวันสุข
ไม่อยากทุกข์ ทรมาน การใฝ่หา
จึงดิ้นรน ขวนขวาย ให้ได้มา
เข้าใจว่า คือสุข สำหรับตน

๐ เพราะดิ้นรน เรียกร้อง แสวงหา
จึงนำพา ให้จิต คิดสับสน
เพราะความโลภ ความอยาก ในใจคน
จึงต้องทน ทุกข์กัน ทุกวันคืน

๐ เมื่อได้มา ก็อยาก จะได้อีก
ไม่ยอมหลีก ทางไป ให้ผู้อื่น
อยากจะดี อยากจะเด่น อย่างยั่งยืน
ข่มผู้อื่น ด้วยลาภยศ กดข่มกัน

๐ ไม่รู้จัก ความพอดี และพอเพียง
ในการเลื้ยง ชีวิต ที่คิดฝัน
จึงเบียดเบียน แก่งแย่ง แข่งขันกัน
จึงไร้วัน ที่จะสุข เพราะทุกข์ใจ

๐ เมื่อไม่มี ศีลธรรม นำชีวิต
ก็พลาดผิด ดวงจิต ไม่สดใส
เมื่อไม่มี คุณธรรม ประจำใจ
ก็ทำให้ ออกห่าง จากทางบุญ

๐ สร้างเวรกรรม ทำบาป ที่หยาบช้า
หลงคิดว่า บาปกรรม ไม่นำหนุน
ไม่ส่งผล อะไร ให้เกิดคุณ
จึงละบุญ มาสร้างบาป จนเคยชิน

๐ เมื่อศีลธรรม ไม่กลับมา น่ากลัวนัก
คนไร้หลัก คุณธรรม เพราะไร้ศีล
จึงก่อกรรม ทำร้าย ทั่วแผ่นดิน
ไม่สุดสิ้น ก่อกรรม ทำร้ายกัน

๐ เพราะโลกขาด คุณธรรม นำชีวิต
จึงพลาดผิด ชีวิต ไม่สร้างสรรค์
จึงวุ่นวาย ไร้สุข อยู่ทุกวัน
เพราะโลกนั้น ขาดศีลธรรม มานำทาง…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม…
…๒๓ เมษายน ๒๕๖๕…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *