บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๓๐

…บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๓๐…

…อดีตที่ผ่านมานั้น คือบทเรียนของชีวิตมีทั้งการลองผิดและลองถูกสลับกันไป ความผิดพลาดทั้งหลายที่เกิดขึ้นนั้นมันไม่ใช่ความล้มเหลว แต่มันเป็นประสบการณ์ของชีวิตและเป็นการเรียนรู้กับชีวิต ไม่ยึดติดฝังใจอยู่กับความผิดพลาดที่ผ่านมา นำสิ่งนั้นมาเป็นแรงบันดาลใจที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆทำให้ดีกว่าเมื่อครั้งที่ผ่านมาชีวิตนั้นต้องเดินไปข้างหน้า สิ่งที่ผ่านมาทั้งหลายมันคือประสบการณ์ของชีวิต…

…มัวแต่มอง จ้องผิด คนอื่นเขา
กิเลสเรา เป็นอย่างไร ไม่เคยคิด
ไม่ถูกใจ ก็บอก ว่ามันผิด
ไม่เคยคิด มองหา กิเลสตน

…ถ้าถูกใจ ก็ชอบ บอกว่าใช่
ไม่ถูกใจ ก็ไร้ ซึ่งเหตุผล
มีข้ออ้าง มาแก้ ดีใส่ตน
ปัดชั่วพ้น จากตัว เพราะกลัวภัย

อ่านเพิ่มเติม “บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๓๐”

บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๒๙

…บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๒๙…

…ความเป็นสมณะนั้นมีกฎเกณฑ์กติกาของความเป็นสมณะคุ้มครองอยู่โดยธรรมและวินัยไม่ผิดข้อวัตรตามพุทธบัญญัติและไม่เป็นไปให้ชาวโลกเขาติเตียนได้

…มันจึงมิใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้ใจนั้นสงบท่ามกลางความวุ่นวายของสังคมที่กำลังดำเนินไป จึงต้องมีการปรับใหม่ ปรับกายปรับจิต ปรับความคิด ปรับการกระทำและเร่งความเพียร เพิ่มกำลังของสติและสัมปชัญญะให้มีกำลังมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับกับผัสสะสิ่งกระทบที่สามารถจะเกิดขึ้นได้ทุกเวลาและโอกาส…

…วันเวลา ผ่านไป ไม่หยุดนิ่ง
สรรพสิ่ง เกิดดับ แล้วลับหาย
ผ่านเรื่องราว หลายหลาก และมากมาย
บทสุดท้าย งานเลี้ยง ย่อมเลิกรา

อ่านเพิ่มเติม “บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๒๙”

บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๒๘

…บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๒๘…

…การปฏิบัติธรรมคือการทำสิ่งที่ไม่มีให้มีขึ้น แล้วรักษาสิ่งที่มีมิให้เสื่อมสลาย ให้ดำรงทรงไว้และขั้นสุดท้ายคือการสลาย ทำเหมือนมันไม่มีอะไร

…สูงสุดคืนสู่สามัญ นั้นคือการเข้าสู่อารมณ์วิปัสสนา มีสติและสัมปชัญญะความระลึกรู้ ความรู้ตัวทั่วพร้อมคุ้มครองกายคุ้มครองจิตอยู่ทุกขณะเป็นสภาวะของความเป็นปกติไม่มีรูปแบบ ไม่มีกระบวนท่ากระบี่อยู่ที่ใจ เก็บงำประกายรู้อยู่ภายใน ไม่จำเป็นที่จะต้องแสดงออก การปฏิบัติธรรมนั้นคือการทำที่จิตไม่ใช่อยู่ที่รูปแบบทางกาย มิได้ทำไปเพื่อให้ผู้อื่นมาชื่นชม ยกย่องสรรเสริญ มิใช่การแสดง สภาวธรรมทั้งหลายเป็นของเฉพาะตน รู้ได้ด้วยตนพิสูจน์ได้ด้วยการปฏิบัติให้จริงสภาวธรรมนั้นเป็นเรื่องปัจจัตตังคือการรู้ได้เฉพาะตน…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๔…

บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๒๗

…บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๒๗…

…ระลึกนึกถึงคำกล่าวของครูบาอาจารย์ที่ท่านได้กล่าวสอนไว้ว่า “เมื่อหยุดคิดหยุดปรุงแต่งและวางทุกสิ่งลงได้ ทั้งสิ่งที่รู้และสิ่งที่ถูกรู้ทั้งปวง สัจธรรมจริงแท้ก็จะปรากฏขึ้นมาให้รู้เห็นเอง”

…มันเป็นเช่นนี้เอง…

๐ รอนแรม มาเรียงราย
สู่จุดหมาย ที่เดียวกัน
ตามล่า หาความฝัน
จึงได้เป็น อย่างเห็นมา

๐ ตามแนว ของพุทธะ
สมณะ ผู้ค้นหา
สำรวม กายวาจา
ตั้งใจสู่ เส้นทางธรรม

๐ ฝึกฝน ปฏิบัติ
อย่างเคร่งครัด ไม่ใฝ่ต่ำ
คิดชอบ ประกอบกรรม
กุศลนี้ จึงได้มา

อ่านเพิ่มเติม “บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๒๗”

บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๒๖

…บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๒๖…

…การปฏิบัติธรรมนั้น ถ้าจะให้พบของจริงต้องละทิ้งอัตตาและอุปาทาน ที่เป็นตัวปิดบังความเป็นจริงออกเสียก่อน ทำให้มันแจ้งให้มันสว่าง แล้วเราจะได้เห็นสภาพแห่งความเป็นจริงของสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวงแต่การถอนมานะ การละทิฏฐินั้นไม่ใช่เรื่องง่ายมันเป็นเรื่องยากสำหรับนักปฏิบัติธรรมทั้งหลาย ตราบใดที่เรายังไม่เกิดธรรมสังเวชในกายมันก็ยังละไม่ได้ในอัตตา และถ้ายังไม่เกิดธรรมสังเวชในเวทนามันก็ละไม่ได้ซึ่งอุปาทาน

อ่านเพิ่มเติม “บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๒๖”

บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๒๕

…บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๒๕…

…ขอบคุณธรรมชาติรอบกายทั้งหลายที่เป็นครูผู้สอนธรรม น้อมนำให้จิตได้คิดและพิจารณาในสิ่งที่ผ่านมาและสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ให้มีสติระลึกรู้และความรู้ตัวทั่วพร้อม น้อมจิตเข้าสู่การปฏิบัติ ขจัดความคิดที่เป็นอวิชชาทั้งหลายให้จางคลายและหายไปเรียนรู้ในสิ่งใหม่

…เข้าใจในปัจจุบันธรรมมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่ความคิดที่เกิดจากจิตปรุงแต่ง แต่เป็นสภาวะรู้ที่เกิดในขณะที่จิตนั้นว่าง เมื่อเราละวางความคิดทั้งหลาย

…ระลึกนึกถึงคำกล่าวของครูบาอาจารย์ที่ท่านได้กล่าวสอนไว้ว่า “เมื่อหยุดคิดหยุดปรุงแต่งและวางทุกสิ่งลงได้ ทั้งสิ่งที่รู้และสิ่งที่ถูกรู้ทั้งปวง สัจธรรมจริงแท้ก็จะปรากฏขึ้นมาให้รู้เห็นเอง”

…มันเป็นเช่นนี้เอง….

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔…

บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๒๔

…บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๒๔…

…การระลึกนึกถึงความตายนั้น มันไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว แต่เป็นการเตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อนตาย ความยึดถือทั้งหลายในรูปธรรมวัตถุจะได้เบาบางลง อัตตาและมานะทิฐิทั้งหลายนั้นก็จะเบาบางลง ความโลภ ความหลงทั้งหลายก็จะค่อย ๆ หายไปเพราะชีวิตนี้ไม่มีวัตถุอะไรที่จะนติดตัวไปได้เมื่อตายจาก มีเพียงกรรมสิ่งที่ได้ทำไปนั้น ที่จะติดตามตัวของเราไปในปรโลก ทั้งสิ่งที่เป็นบุญและเป็นบาปจึงต้องคิดและพิจารณาว่าทำอย่างไรให้ตายไปอย่างมีความสุข ไม่ต้องทุกข์ขณะจะสิ้นลม

…การระลึกนึกถึงความตายอยู่เสมอนั้น จะทำให้จิตนั้นไม่หวั่นไหวต่อความตายที่จะมาถึงในอนาคต ซึ่งทุกคนนั้นต้องประสพ ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๔…

บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๒๓

…บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๒๓…

…ทบทวนธรรมคำของพ่อแม่ครูบาอาจารย์…

…คนเราควรมองผู้มีปัญญาใด ๆ ที่คอยชี้โทษ คอยกล่าวคำขนาบอยู่เสมอไปว่าคนนั้นแหละ คือผู้ชี้ขุมทรัพย์และควรคบบัณฑิตที่เป็นเช่นนั้น เมื่อคบหากับบัณฑิตชนิดนั้นอยู่ย่อมมีแต่ดีท่าเดียว ไม่มีเลวเลย…
…พระไตรปิฎกบาลี สยามรัฐ ๒๕/๒๕/๑๖…

อ่านเพิ่มเติม “บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๒๓”

บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๒๒

…บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๒๒…

…อย่าให้วันเวลาผ่านไปโดยไร้ค่า อย่าให้วันเวลาโดยเปล่าประโยชน์ และเป็นโทษต่อชีวิตของเราเลย ทุกสิ่งทุกอย่างเรากำหนดขึ้นมาได้ด้วยตัวของเราเอง คือการกระทำที่เรียกว่ากรรมของเราในวันนี้ ซึ่งพรุ่งนี้ก็จะกลายเป็นอดีตไปแล้วยอมรับในความเป็นจริงของสรรพสิ่งที่เผชิญอยู่รู้ตน รู้ประมาณ รู้กาลเวลา ว่าเราควรจะปรารถนาได้ในสิ่งใด เพียงใด

อ่านเพิ่มเติม “บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๒๒”

บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๒๑

…บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๒๑…

…“กมฺมุนา วตฺตตีโลโก”… สัตว์โลกทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม ที่สุดของพรหมวิหาร ๔ ก็คือการวางอุเบกขา เพราะเราเมตตาสงสาร จึงเข้าไปสงเคราะห์ช่วยเหลือ ถ้าเขาดีขึ้นเราก็ยินดีด้วยกับเขา

…แต่ถ้าสงเคราะห์แล้วยังเหมือนเดิมหรือแย่ลงกว่าเดิม ก็ต้องทำใจปล่อยวางเพราะว่าเราทำหน้าที่ของเรานั้นสมบูรณ์แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันเป็นวิบากกรรมของเขาเองที่จะต้องได้รับ…

อ่านเพิ่มเติม “บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๒๑”