บอกกล่าว เล่าเรื่อง บทที่ ๗

…บอกกล่าว เล่าเรื่อง บทที่ ๗…

…จากประสบการณ์ของชีวิตฆราวาสที่ผ่านมาอย่างโชกโชน ได้มีโอกาสเข้าไปสัมผัสมาหมดแล้วทุกวงการทำให้โลกทัศน์ ชีวทัศน์และวิสัยทัศน์ของเรานั้นเปิดกว้าง รับรู้ในข้อมูลทุกอย่างและทุกเรื่อง จึงได้นำเอาประสบการณ์ที่มีอยู่นั้นมาสงเคราะห์อนุเคราะห์ช่วยเหลื่อผู้อื่น โดยใช้การสอดแทรกหลักธรรมการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องและสอดคล้องกับวิถีลงไป

อ่านเพิ่มเติม “บอกกล่าว เล่าเรื่อง บทที่ ๗”

บอกกล่าว เล่าเรื่อง บทที่ ๖

…บอกกล่าว เล่าเรื่อง บทที่ ๖…

…”ผู้ใด มีปัญญาทราม อาศัยทิฏฐิลามกคัดค้านคำสอนของพระพุทธเจ้าซึ่งมีปกติเป็นธรรม พฤติกรรมของผู้นั้นย่อมเป็นไปเพื่อฆ่าตนเหมือนขุยไผ่ฆ่าต้นไผ่”

“โยสาสนํ อรหนฺตํ อริยานํ ธมฺมชีวินํ
ปฏิกฺโกสติ ทุมฺเมโธ ทิฏฺฐึ นิสฺสาย ปาปกํ
ผลานิ กณฺฏกสฺเสว อตฺตฆญฺญาย ผลฺลติ”…
….พุทธสุภาษิต ธรรมบท ๒๕/๓๑…

อ่านเพิ่มเติม “บอกกล่าว เล่าเรื่อง บทที่ ๖”

บอกกล่าว เล่าเรื่อง บทที่ ๕

…บอกกล่าว เล่าเรื่อง บทที่ ๕…

…แสงธรรมคือแสงทอง….
…“ภิกษุจงเป็นผู้ไม่ประมาท มีสติ
มีศีลอันดี จงมีความดำริตั้งมั่น
ตามรักษาจิตของตนเถิด”

“อปฺปมตฺตา สตีมนฺโต
สุสีลา โหถ ภิกฺขโว
สุสมาหิตสงฺกปฺปา
สจิตฺตมนุรกฺขถ”…
…พุทธสุภาษิต มหาปรินิพพานสูตร ๑๐/๑๒๐…

…แสงทอง คือแสงธรรม
ที่ชี้นำ สู่เส้นทาง
ส่องโลก ให้สว่าง
ให้ได้เห็น ความเป็นจริง

…ทางโลก นั้นมืดมิด
เพราะว่าจิต ไม่หยุดนิ่ง
วุ่นวาย เพราะหลายสิ่ง
โลกธรรม ชักนำไป

…รักโลภ และโกรธหลง
ใจพะวง ยึดถือไว้
เกิดทุกข์ ระทมใจ
ต้องเวียนว่าย ในวังวน

…แสงธรรม นำชีวิต
ชี้ถูกผิด ไม่สับสน
ลดละ ซึ่งตัวตน
คือมานะ และอัตตา

…สอนให้ ใจเปิดกว้าง
ให้เห็นทาง แก้ปัญหา
ก่อเกิด ซึ่งปัญญา
เพื่อดับทุกข์ สลายไป

…แสงธรรม ส่องนำทาง
แสงสว่าง ที่สดใส
แสงธรรม ผ่องอำไพ
ส่องให้เห็น สัจธรรม

…ทุกสิ่ง ล้วนเกิดดับ
เปลี่ยนสลับ อยู่ประจำ
ยึดถือ ก่อเกิดกรรม
เมื่อปล่อยวาง ก็ว่างลง

…แสงธรรม นำชีวิต
ส่องให้จิต ไม่ลุ่มหลง
แสงธรรม นั้นมั่นคง
ส่องสงบ พบหนทาง…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๕…

บอกกล่าว เล่าเรื่อง บทที่ ๔

…บอกกล่าว เล่าเรื่อง บทที่ ๔…

…การพูดหรือการแสดงออกทางกายนั้นบางครั้งทำให้เรารู้ถึงความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ของเขา เพราะคำพูด สีหน้าแววตา มันสื่อถึงความรู้สึกภายในของเขาซึ่งถ้าเราเป็นผู้ฟังหรือคู่สนทนา ควรที่จะสังเกตในอาการเหล่านั้น เพราะการพูดนั้นมันสื่อให้รู้ถึงภูมิปัญญาของผู้พูดว่ารู้จริงหรือไม่หรือว่าได้แต่พูดโดยไม่รู้จริง

อ่านเพิ่มเติม “บอกกล่าว เล่าเรื่อง บทที่ ๔”

บอกกล่าว เล่าเรื่อง บทที่ ๓

…บอกกล่าว เล่าเรื่อง บทที่ ๓…

…ย้ำเตือนตนอยู่เสมอว่า จงเป็นเหมือนสายลมที่พัดผ่านกาลเวลา ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไปเมื่อใจไม่ไปยึดติดยึดถือ ความห่วงหาอาลัยก็ไม่มี อยู่กับสภาวะแห่งปัจจุบันธรรมตามวิถีที่เป็นไปในแต่ละวัน ทำหน้าที่ของเรานั้นให้สมบูรณ์ตามบทบาทและหน้าที่ที่เป็นอยู่จิตตามดู ตามรู้ ตามเห็นในความเป็นไปของกายและจิตมีสติและสัมปชัญญะคุ้มครองกายและจิตคิดให้เป็นกุศลวันเวลาก็จะผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วเพราะใจเราไม่ไปยึดถือจิตโปร่งกายเบา ไม่ซึมเซา เพราะมีอารมณ์ธรรมแห่งปีติทรงอยู่ เรียนรู้และพิจารณาทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา…

อ่านเพิ่มเติม “บอกกล่าว เล่าเรื่อง บทที่ ๓”

บอกกล่าว เล่าเรื่อง บทที่ ๒

…บอกกล่าว เล่าเรื่อง บทที่ ๒…

…วันเวลาผ่านไปกับสิ่งรอบกายทั้งภายนอกและภายในที่เราได้เจอะเจอ ล้วนแล้วแต่เป็นครูที่สอนให้เรารู้และเข้าใจในหลักธรรมทำให้นึกถึงคำกล่าวสอนเน้นย้ำของหลวงพ่อพุทธทาส ที่ท่านได้กล่าวอยู่เสมอ เกี่ยวกับเรื่อง “ตัวกู-ของกู” เพื่อเป็นการเน้นย้ำเตือนสติมิให้หลงลืม คือต้องรู้ต้องเข้าใจและทำให้ได้ โดยการมีสติและสัมปชัญญะ เตือนตนเตือนจิตอยู่ตลอดเวลา ดั่งที่เคยกล่าวไว้ว่า “กิเลสทั้งหลายนั้นยังมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็น รัก โลภโกรธ หลง เพราะมันเป็นอาคันตุกะที่จรมา” เราต้องคอยเตือนสติระลึกอยู่ตลอดเวลา ไม่ให้จิตเข้าไปยึดถือติดอยู่ในอารมณ์เหล่านั้น…

อ่านเพิ่มเติม “บอกกล่าว เล่าเรื่อง บทที่ ๒”

บอกกล่าว เล่าเรื่อง ปฐมบท

…บอกกล่าว เล่าเรื่อง ปฐมบท…

…อายุพรรษาเพิ่มขึ้นทุกปี จากหลวงพี่เป็นหลวงน้า เป็นหลวงอา เป็นหลวงพ่อเป็นหลวงลุง หลวงปู่ สูงขึ้นทุกปีแต่อายุส่วนภูมิธรรมนั้นคงที่มีแต่ทรงไว้และเสื่อมไปของใหม่พัฒนาขึ้นช้ามากหากินอยู่กับของเก่าๆที่เคยได้มาทบทวนดูแล้วละอายแก่ใจ สูงขึ้นเร็วแต่วัย แต่ภายในพัฒนาช้ามากนับว่าเป็นโอกาสดีของเราที่หลุดออกจากจุดนั้นมาได้ มาใช้ชีวิตอย่างที่เราปรารถนา คืนมาสู่ความเป็นสามัญมีเวลาให้กับชีวิตจิตวิญญาณมากขึ้น ทำเพื่อคนอื่นมามากแล้วต่อไปเป็นการกระทำเพื่อตนเองบ้างไม่ใช่ความเห็นแก่ตัว แต่เราต้องเอาตัวเราให้รอดเสียก่อน จึงจะไปช่วยคนอื่นเขา…

อ่านเพิ่มเติม “บอกกล่าว เล่าเรื่อง ปฐมบท”