คิดไป เขียนไป บทที่ ๒๔

…คิดไป เขียนไป บทที่ ๒๔…

…เรื่องศีลข้อวัตรและพระวินัยนั้นเป็นไปเพื่อการเจริญสติและสัมปชัญญะ โดยมีหิริและโอตตัปปะซึ่งเป็นองค์แห่งคุณธรรมนั้นควบคุมคุ้มครองอยู่เพราะการที่เราจะทรงไว้ซึ่งศีลและวินัยนั้นได้ เราจะต้องมีสติและสัมปชัญญะอยู่ทุกขณะจิตระลึกรู้ในทางกายและทางจิตในสิ่งที่คิดและในกิจที่ทำ

อ่านเพิ่มเติม “คิดไป เขียนไป บทที่ ๒๔”

คิดไป เขียนไป บทที่ ๒๓

…คิดไป เขียนไป บทที่ ๒๓…

…ระลึกถึงคำสอนของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ในอดีตที่เคยได้ยิน ได้อ่าน ได้ฟังนำมาวิเคราะห์ใคร่ครวญ ให้เข้าถึงสัจธรรมความเป็นจริง ในสิ่งที่ท่านกล่าวอย่างเช่นเรื่องราวของหลวงพ่อกบวัดเขาสาริกา ที่ท่านได้กล่าวเตือนสติลูกศิษย์ไว้ว่า…

…พระก็เป็นพระ​วันยังค่ำ จะใส่ชุดอะไรก็เป็นพระ…

หลวงพ่อกบเคยถูกพระผู้ใหญ่กล่าวหาว่าเป็นพระเถื่อนไม่มีใบสุทธิ พูดจาเพ้อเจ้อไร้สาระ ไม่น่าเชื่อถือ หลวงพ่อกบท่านก็ไม่สนใจ หรือเถียงอะไร ยอมถอดจีวรออกลาสิกขาบทโดยดี หันมานุ่งขาวห่มขาวแทน

ตอนนั้นลูกศิษย์ร้องไห้ระงมทั่ววัดเขาสาริกา เพราะสงสารท่าน จนหลวงพ่อบอกว่า

“พวกมึงจะร้องทำไมกันวะ พระก็คือพระวันยังค่ำ จะใส่อะไรก็เป็นพระ เหมือนทองจมขี้โคลน ยังไงก็เป็นทองนั่นแหละ”

ทำให้ลูกศิษย์คิดได้ว่า พระไม่ได้หมายถึงการนุ่งห่มผ้าเหลือง แต่หากสามารถลดละกิเลสได้ ไม่ว่าแต่งกายชุดอะไร ก็ถือว่าเป็นพระอยู่วันยังค่ำ พระแท้พระดีจึงมิไช่อยู่ที่ผ้าเหลืองด้วยประการฉะนี้…
…หลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา จ.ลพบุรี…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม…
…๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๕…

คิดไป เขียนไป บทที่ ๒๒

…คิดไป เขียนไป บทที่ ๒๒…

…ตราบใดที่ยังมีหนทางไป ใจย่อมไม่นึกถึงพระธรรม แต่ในยามที่คุณชอกช้ำ พระธรรมคือที่พึ่งสำหรับคุณ

…เมื่อยังไม่ถึงกาลเวลาที่เหมาะสมจิตย่อมเข้าไม่ถึงธรรม จึงยากที่จะอธิบายให้เข้าใจได้ อดทนรอให้เขามีความพร้อมจึงกล่าวธรรม…

…ชีวิตไม่เคยยึดติดในลาภ ยศ สรรเสริญสุข ดำเนินชีวิตไปตามวิถีแห่งสมณะเพื่อการลดละและเพื่อสร้างบารมีธรรมไม่ยึดติดในที่อยู่อาศัย เมื่อสร้างเสร็จแล้วก็ลาจากไป ให้คนที่อยู่เขาดูแลรักษากันต่อไป อาจจะแวะไปเยี่ยมบ้างเป็นครั้งคราว เป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านกาลเวลา ผ่านมาแล้วจากไป ทิ้งไว้เพียงความทรงจำ ให้นึกคิดจินตนาการ

อ่านเพิ่มเติม “คิดไป เขียนไป บทที่ ๒๒”

คิดไป เขียนไป บทที่ ๒๑

…คิดไป เขียนไป บทที่ ๒๑…

…กวีธรรมจากรอยทาง…

๐ วิถี แห่งชีวิต
เราลิขิต เพื่อก้าวเดิน
ไปสู่ ความเจริญ
สงบสุข ในทางธรรม

๐ ทุกทาง ที่ย่างก้าว
เก็บเรื่องราว มากล่าวนำ
สิ่งคิด และสิ่งทำ
ได้จารึก บันทึกมา

๐ เพื่อให้ เป็นข้อคิด
เพื่อเตือนจิต เพิ่มปัญญา
เรียนรู้ และศึกษา
เพื่อประยุกต์ ปรับใช้กัน

๐ แนวทาง ของชีวิต
เพื่อความคิด ที่ใฝ่ฝัน
ก้าวเดิน ไปด้วยกัน
บนสายทสง แห่งความดี

๐ ชีวิต ลิขิตได้
มีมากมาย หลายวิธี
เอาธรรม มานำชี้
เพื่อให้ใจ นั้นใฝ่ธรรม

๐ อย่าให้ อกุศล
ความมืดมน มาครอบงำ
ทำจิต ให้ตกต่ำ
จงเอาธรรม มานำทาง

๐ เอาธรรม นำความคิด
เพื่อให้จิต นั้นสว่าง
รู้ลด และละวาง
จิตหลุดพ้น จากอบาย

๐ พอดี และพอเพียง
ในการเลี้ยง ใจและกาย
ใจสุข กายสบาย
นั้นคือสิ่ง ที่ดีงาม

๐ ทางธรรม ทำไม่ยาก
ถ้าเราหาก จะทำตาม
ความเพียร พยายาม
ปฏิบัติ เป็นสัมมา

๐ ปรับจิต คิดแบบใหม่
เริ่มที่ใจ ปรารถนา
สติ เป็นสัมมา
เกิดปัญญา สงบใจ

๐ เมื่อใจ สงบนิ่ง
จะเห็นสิ่ง ควรแก้ไข
เห็นทาง ที่จะไป
เพราะได้พบ สัจธรรม…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม…
…๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๕…

คิดไป เขียนไป บทที่ ๒๐

…คิดไป เขียนไป บทที่ ๒๐…

…แต่ละวันที่ผ่านไปนั้น มีเรื่องราวมากมายที่ได้ผ่านเข้ามาในชีวิตที่ทำให้เราคิดและต้องทำ มีผัสสะสิ่งกระทบมากมาย ให้เรานั้นได้รับรู้เราจึงควรจะจดจำเพียงสิ่งที่มีประโยชน์และเป็นสาระ ส่วนสิ่งที่เป็นขยะทางความคิด ลบมันไปไม่จดจำ ใช้สติปัญญาใคร่ครวญทบทวนสิ่งผ่านเข้ามา ว่าสิ่งไหนเป็นสาระ สิ่งไหนไม่เป็นสาระพิจารณาให้เห็นคุณ เห็นโทษเห็นประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ของเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาพิจารณาเข้าสู่ความเป็นกุศลและอกุศล มีสติเตือนตนให้อยู่ในความไม่ประมาท ไม่ปรุงแต่งในอกุศล ประคองจิตของตนให้อยู่ในกุศลธรรม น้อมนำจิตเข้าสู่ความสงบนิ่ง มองทุกสรรพสิ่งให้เป็นธรรมะ แล้วจะพบสัจธรรมของธรรมชาติทั้งหลายในกายและจิตของเรา…

อ่านเพิ่มเติม “คิดไป เขียนไป บทที่ ๒๐”

คิดไป เขียนไป บทที่ ๑๙

…คิดไป เขียนไป บทที่ ๑๙…
…อวดดี ทั้งที่ไม่มีดีในตัว อวดเก่งทั้งที่ไม่มีความเก่งในตัว อวดรู้ทั้งที่ไม่มีความรู้อะไรในตัว คนโง่ชอบอวดตัวว่าเป็นคนฉลาด คนขี้ขลาด มักจะอวดตัวว่าเป็นผู้กล้า…

…วางใจให้มันมั่งคง ไม่กังวลไม่สนใจใคร ทำให้เหมือนกับอยู่คนเดียว ภายนอกเคลื่อนไหวภายในทำใจให้สงบ พิจารณาร่างกายพิจารณาดูจิต มันฟุ้งซ่านไปไหนก็ให้รู้จักมัน รู้เท่าทันกับกิเลสสู้กับกิเลสที่เกิดขึ้นในใจเราเอาชนะมันให้ได้ เท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับวันๆหนึ่ง…

อ่านเพิ่มเติม “คิดไป เขียนไป บทที่ ๑๙”

คิดไป เขียนไป บทที่ ๑๘

…คิดไป เขียนไป บทที่ ๑๘…

…”ทุกข์ไม่มา ปัญญาไม่มี บารมีไม่เกิด” เป็นคำสอนที่กล่าวกันมานานแล้วและเป็นความจริงมาตลอด เพราะว่ามนุษย์นั้นในยามที่มีความสุขมักจะหลงเพลิดเพลินลืมคิดถึงธรรม ดั่งที่เคยเขียนโศลกธรรมบทหนึ่งไว้ว่า… ตราบใดที่ยังมีหนทางไปใจย่อมไม่นึกถึงพระธรรม แต่เมื่อคุณชอกช้ำพระธรรมคือที่พึ่งสำหรับคุณ … และโศลกธรรมอีกบทหนึ่งที่เขียนไว้ว่า

…เมื่อยังไม่ถึงกาลเวลาที่เหมาะสมจิตย่อมเข้าไม่ถึงธรรม จึงยากที่จะอธิบายให้เข้าใจได้ อดทนรอให้เขามีความพร้อมจึงกล่าวธรรม…

อ่านเพิ่มเติม “คิดไป เขียนไป บทที่ ๑๘”

คิดไป เขียนไป บทที่ ๑๗

…คิดไป เขียนไป บทที่ ๑๗…

….”เรียนเรื่องทางโลกนั้น เรียนไป ๆ ก็ยิ่งทำให้กิเลสหนาขึ้นทุกขณะแต่ถ้าเรามาเรียนธรรมะเรื่องกาย เรื่องจิต เรื่อความคิดของตัวเราเองมาเรียนเรื่องการลดละ กิเลสตัณหาและอัตตา ละโลภ ละโกรธละหลง ละกิเลส ละตัณหา และอัตตา มันก็มีแต่จะเบาบางลงจนไม่มีภาระ เมื่อจิตเข้าถึงธรรมะแล้วจิตนั้นก็ย่อมจะเป็นสุข ไม่ทุกข์อยู่กับโลกธรรมทั้งหลาย”…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม…
…๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕…

คิดไป เขียนไป บทที่ ๑๖

…คิดไป เขียนไป บทที่ ๑๖…

…ถ้ามีศรัทธาความเชื่อมั่นในความดีแล้ว จะทำให้ไม่ลำบากใจที่จะกระทำในสิ่งที่เป็นบุญกุศล เพราะว่าใจของเรานั้นมีความพร้อมที่จะกระทำ ทุกอย่างเริ่มที่ใจ…

อ่านเพิ่มเติม “คิดไป เขียนไป บทที่ ๑๖”

คิดไป เขียนไป บทที่ ๑๕

…คิดไป เขียนไป บทที่ ๑๕…

…จิตที่ส่งออกคิดแต่เรื่องภายนอกเป็นสมุทัย คือเหตุให้เป็นทุกข์จิตจะเป็นสุขเมื่อจิตเห็นจิตเห็นความคิดเห็นการกระทำยอมรับในความเป็นจริงของสรรพสิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปผลอันเกิดจากจิตเห็นจิตเป็นนิโรธคือเห็นความดับไปเห็นที่สิ้นสุดบทพิสูจน์ไม่ใช่เพียงความคิดหรือคำพูด แต่เป็นการกระทำน้อมนำสิ่งเหล่านั้นมาประพฤติปฏิบัติให้เห็นในความเป็น”ปัจจัตตัง”ท่านก็จะเข้าถึงซึ่งความเป็น “ตถตารู้ว่ามันเป็นเช่นนั้นเอง”

อ่านเพิ่มเติม “คิดไป เขียนไป บทที่ ๑๕”