เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๔๐

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๔๐…

…เรื่องสภาวธรรมนั้นมันเป็นของเฉพาะตน มีเพียงความคล้ายและใกล้เคียง ซึ่งบางครั้งไม่สามารถที่จะบรรยายเป็นคำพูดได้ จึงนำมาบอกเล่าเพื่อเป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบัติ ซึ่งอาจจะเป็นประโยชน์บ้างสำหรับผู้ที่ได้เข้ามาอ่าน หรือผู้ที่เคยผ่านการฝึกฝนปฏิบัติมาแล้ว จะได้เข้าใจในสิ่งที่ยังสงสัยและค้างคาใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นคืออะไรและสิ่งที่เขียนออกไปทุกครั้งนั้นเป็นการย้ำเตือนตัวเอง เพื่อให้ใคร่ครวญทบทวนในสิ่งที่ตนได้ทำมาและได้กล่าวไป ทำไปด้วยใจเจตนาที่บริสุทธิ์ไม่ได้หวังลาภยศและชื่อเสียง เพราะพยายามหลีกเลี่ยงหนีห่างออกจากโลกธรรม ๘ อยู่ตลอดเวลา…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๑๐ เมษายน ๒๕๖๕…

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๙

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๙…

…ชีวิตของการสร้างงานที่ผ่านมาตั้งเจตนาด้วยกุศลจิต สิ่งที่คิดและสิ่งที่ทำนั้น เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนและคนรุ่นต่อไป ไม่ได้สร้างทำไปเพื่อตอบสนองตัณหาของตนเอง หรือเพื่อการอวดเก่งอวดบารมี แต่สิ่งที่คิดและกิจที่ได้ทำนั้น คือการสอนธรรมแก่ตนเองและคนรอบข้าง ดั่งที่เคยกล่าวอยู่เสมอว่า “ทำให้ดู อยู่ให้เห็น สอนให้เป็น แล้วก็ปล่อย” คือคติธรรมในการสอนลูกศิษย์ทั้งหลาย

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๙”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๘

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๘…

… อย่ารังเกียจผู้ที่มีกรรม
อย่าซ้ำเติมผู้ที่หลงผิด
จงชี้ทางถูกให้แก่ผู้ที่มืดบอด…

…“ทำวิกฤตให้เป็นโอกาส” พลิกแพลงเปลี่ยนแปลงไปให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ถ้าเรามองโลกในแง่ดี เราก็จะเห็นสิ่งที่ดีและโอกาสที่ดีอยู่เสมอ ขอให้เรามีสติและสัมปชัญญะที่เป็นกุศล คิดดี ทำดี มองโลกในแง่ดี แล้วทุกอย่างก็จะดีไปเอง

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๘”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๗

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๗…

…อยากจะบอกว่า เรื่องเวรกรรมนั้นมีจริง ไม่ต้องรอถึงชาติหน้าเห็นผลได้ในชาตินี้ ทำกรรมอะไรไว้มันจะส่งผลให้ไม่ช้าก็เร็ว ทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว ซึ่งเราต้องเตรียมตัวเตรียมใจ อย่าหวั่นไหวและตื่นตกใจ

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๗”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๖

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๖…

…ดั่งที่เคยได้กล่าวไว้ “ถ้าเชื่อทันทีอาจจะนำไปสู่ความงมงายถ้าปฏิเสธทันที อาจจะทำให้เราขาดประโยชน์ที่ควรจะได้รับเราจึงควรที่จะคิดพิจารณา ไตร่ตรองให้รอบคอบในสิ่งที่รู้ที่เห็นควรจะทดลองพิสูจน์ ฝึกฝนที่ใจตนให้เกิดความกระจ่างชัด รู้ซึ้งถึงเหตุและปัจจัย ความเป็นมา เป็นไปให้ขึ้นด้วยใจตน แล้วจึงจะเชื่อหรือปฏิเสธ โดยเอาเหตุและผลที่เป็นจริงมาเป็นที่ตั้ง แล้วทุกอย่างก็จะสรุปจบลงที่ใจ”

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๖”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๕

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๕…

…สรุปการเดินทางของชีวิตที่ผ่านมา…

…ชีวิตนี้มันเป็นของน้อยทุกวินาทีที่ผ่านไป คือการเดินไปสู่ความตายจึงจำเป็นต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตามกำลังสติปัญญาที่มีอยู่

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๕”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๔

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๔…

…เมื่อเข้าใจและยอมรับในเรื่องของกรรมและวิบากกรรม ความทุกข์ทางกายและทางใจนั้นก็เบาบางลงเพราะว่ารู้ถึงเหตุและปัจจัยที่ทำให้เป็นไป จิตนั้นจึงไม่เข้าไปยึดถือไม่คร่ำครวญโหยไห้ ไม่ตีโพยตีพายวุ่นวายน้อยใจในสิ่งที่เป็นไปของสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ยอมรับในวิบากกรรมที่กำลังเป็นไปนั้นและทำหน้าที่ของเราต่อไป ตามเหตุและปัจจัยนั้นให้สมบูรณ์ เต็มกำลังความรู้ความสามารถของเรา ผลมันจะออกมาเป็นอย่างไรนั้น มันเป็นเรื่องของวิบากกรรม เพราะว่าเรานั้นได้ทำเต็มที่แล้ว

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๔”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๓

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๓…

…สติและสมาธิต้องมีในขณะที่กำลังทำงาน…

…ในการทำงานนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีสติและมีสมาธิในการทำงาน เพราะในการทำงานแต่ละอย่างนั้นย่อมมีอุปสรรคและปัญหาอยู่ตลอดเวลา

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๓”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๒

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๒…

…ชีวิตในแต่ละวันที่ผ่านมา ทำหน้าที่ไปตามบทบาทที่รับผิดชอบ สงเคราะห์ทั้งทางโลกและทางธรรม ทำเต็มที่ตามกำลังความรู้ความสามารถที่มีอยู่ ทำตามที่ครูบาอาจารย์ท่านสอนไว้ว่า การทำงานคือการปฏิบัติธรรม

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๒”

เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๑

…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๑…

…ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วดับไปเป็นธรรมดา เมื่อใจไม่ไปยึดติด ยึดถือ ความห่วงหาอาลัยก็จะไม่มี อยู่กับสภาวะแห่งปัจจุบันธรรม ตามวิถีที่เป็นไปในแต่ละวัน ทำหน้าที่ของเรานั้นให้สมบูรณ์ตามบทบาทและหน้าที่ที่เป็นอยู่ จิตตามดู ตามรู้ ตามเห็นในความเป็นไปของกายและจิตมีสติและสัมปชัญญะคุ้มครองกายและจิต คิดให้เป็นกุศล วันเวลาก็จะผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว เพราะใจเราไม่ไปยึดถือ ก็จิตโปร่ง กายก็เบาไม่ซึมเซา เพราะมีอารมณ์ปีติทรงอยู่ เรียนรู้และพิจารณาทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา…

อ่านเพิ่มเติม “เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๓๑”