…รำพึงธรรมคำกวีตามรายทาง…
๐ เมื่อก่อนนั้น ฉันเป็น นักศึกษา
เขาเรียกว่า ปัญญาชน คนรุ่นใหม่
มีความคิด ที่ร้อนแรง และกว้างไกล
หวังจะสร้าง สังคมใหม่ อุดมการณ์
๐ให้ผู้คน ทุกแห่งหน และชนชั้น
มีสิทธิ เสมอกัน ทุกสถาน
ล้มระบอบ อำนาจ เผด็จการ
สร้างตำนาน สังคมใหม่ ให้รุ่งเรือง
๐ หวังเห็นฟ้า สีทอง ผ่องอำไพ
ประชาชน เป็นใหญ่ กันสืบเนื่อง
สร้างแนวร่วม จากป่า ประสานเมือง
ทำทุกเรื่อง ตามลัทธิ อุดมการณ์
๐ คือความคิด ความฝัน เมื่อวันก่อน
เมื่อมองย้อน กลับไป ให้สงสาร
สิ่งที่คิด ว่าเป็น อุดมการณ์
คือ”วัวงาน” เขาหลอกใช้ ในการเมือง
๐ เมื่อเสียศูนย์ จึงเกิด ความสูญเสีย
ให้อ่อนเพลีย หมดแรงใจ ในทุกเรื่อง
เก็บความแค้น ที่ครุกรุ่น ความขุ่นเคือง
จึงทิ้งเมือง สู่ป่า หาหนทาง
๐ มาจับปืน ยืนหยัด ปฏิวัติ
เพียรฝึกหัด อาวุธ ทุกสิ่งอย่าง
เข้าต่อสู้ อำนาจรัฐ ที่จัดวาง
เป็นหนทาง ปฏิวัติ ประชาชน
๐ แต่แล้วมา วันหนึ่ง จึงได้รู้
ที่ต่อสู้ นั้นไร้ ซึ่งเหตุผล
มันเป็นเพียง ความคิด ปัญญาชน
จึ่งดั้นด้น จากป่า สู่นาคร
๐ สังคมไทย เปิดกว้าง ทางความคิด
จะถูกผิด เปิดให้นำ เสนอก่อน
ต่อสู่กัน ในระบบ ตามขั้นตอน
มีองค์กร มากมาย ให้ชี้นำ
๐ เดินอยู่บน ถนน นักการเมือง
พบแต่เรื่อง ผลประโยชน์ ให้น่าขำ
เรื่องดีดี น้อยที่ จะกระทำ
ความระยำ แอบทำ กันทุกคน
๐ ทั้งกอบโกย โกงกิน และโป้ปด
เป็นกันหมด ทุกยุค ทุกแห่งหน
ไม่ได้มา ด้วยเล่ห์ เอาด้วยกล
ทำเพื่อผล ประโยชน์ แก่ตนเอง
๐ จึงละทิ้ง ทุกอย่าง ที่สร้างมา
กลับสู่ป่า ศึกษาธรรม อย่างรีบเร่ง
ให้ละอาย ต่อบาป จึงกลัวเกรง
ฝึกตนเอง ในทางธรรม นำชีวี
๐ บนเส้นทาง สายธรรม นำชีวิต
ธรรมลิขิต ทางใหม่ ให้สดศรี
จากคนเลว คนบาป เป็นคนดี
ธรรมนั้นชี้ ทางใหม่ ให้เราเดิน
๐ เดินไปตาม เส้นทาง ของพุทธะ
สอนให้ละ ลาภยศ สุขสรรเสริญ
ให้รู้จัก เพียงพอ ไม่ขอเกิน
ให้เพลิดเพลิน ในกุศล ผลความดี
๐ ได้เห็นธรรม รู้ธรรม นำชีวิต
แต่ยังติด ไม่ได้”ทำ” ในทุกที่
เพียงได้รู้ ได้เห็น ก็ยังดี
คงจะมี เวลา ที่ได้”ทำ”…
…ศรัทธาในพระธรรมคำสั่งสอนขององค์พระสัมมา…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๖ มกราคม ๒๕๖๔…