…บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๘…
…เมื่อก่อนนั้นจิตมันหยาบแข็งกระด้าง เพราะอัตตาและมานะของเรานั้นยังไม่ถูกขัดเกลา จึงหนาแน่นไปด้วยกิเลสและตัณหา ปล่อยให้โทสะ โมหะเข้าครอบงำ พฤติกรรมที่แสดงออกมาจึงก้าวร้าวรุนแรง แต่เมื่อได้เข้ามาศึกษาปฏิบัติธรรมแล้ว ความรู้สึกนึกคิดจิตก็เปลี่ยนไป ทำให้เรารู้เห็นอะไรๆมากขึ้น รู้จักผิดชอบชั่วดี มีสติสัมปชัญญะในการดำรงชีวิต มีความคิดที่เป็นระบบมากขึ้น รู้จักการใคร่ครวญ ทบทวนพิจารณา หาซึ่งเหตุและผลของเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น รู้จักการข่มจิตข่มใจต่อส่งยั่วยวน ควบคุมความรู้สึกนึกคิดของเราได้ มีเป้าหมายในการดำเนินชีวิตจิตน้อมเข้าหากุศลธรรม ดำรงตนอยู่ในกรอบของพระธรรมวินัย
…สิ่งนี้คือพระคุณของพระรัตนตรัย ที่เราได้รับจากการที่เข้ามาศึกษาปฏิบัติธรรมอาศัยใบบุญของพระพุทธศาสนา ทำให้ชีวิตของเรามีคุณค่ากว่าที่เคยเป็นมาความเย็น ความสงบที่เราไม่เคยพบในชีวิตฆราวาส มันเป็นความรู้สึกที่ไม่อาจจะบรรยายเป็นตัวอักษรหรือคำพูดหมดได้ มันเป็นความรู้สึกที่อยู่ภายในใจรู้ได้เฉพาะตน มันเห็นผลด้วยการปฏิบัติ สิ่งที่เรารู้
…สิ่งที่เราเห็นนั้นมันเป็นเพียงเศษเสี้ยวธุลี หนึ่งของพระธรรมยังมีอีกมากมาย และหนทางอีกยาวไกลในสายธรรมที่เรายังก้าวไปไม่ถึงยังไม่ได้สัมผัสการเดินทางกลับไปสู่ธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของจิตที่ประภัสสร จิตแท้จิตเดิมที่เริ่มมานั้นบริสุทธิ์ แต่กิเลสที่เป็นอาคันตุกะได้เข้ามาอาศัยทำให้จิตของเราต้องเศร้าหมองจึงเป็นหน้าที่ของเราผู้เป็นเจ้าเรือนที่จะต้องทำความสะอาดปัดกวาดกิเลสทั้งหลายให้สิ้นไป…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๔ พฤษภาคม ๒๕๖๔…