…บันทึกธรรมย้ำเตือนจิต บทที่ ๙…
…รอวันเวลาแห่งพันธนาการจะหลุดพ้น คำมั่นและสัญญาที่เราต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่ให้สมบูรณ์ เพื่อไม่ให้ค้างคาใจแล้วเราจะจากไปอย่างมีความสุขไม่ต้องกังวลใจต่อเหตุการณ์ในอดีต “อะนากุลา จะ กัมมันตา” การทำงานไม่คั่งค้างเป็นมงคลของชีวิต
…การกลับคืนสู่สามัญนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก วันเวลาที่ผ่านพ้นไปนั้นทำให้เราต้องพบปะเจอะเจอผู้คนมากมาย สักการะนั้นมันเป็นโลกธรรมที่ละเอียดอ่อนซึมลึกในความรู้สึกของผู้คน มันผูกมัดเป็นภาระแห่งวิถีของชีวิตที่คอยฉุดดึงไว้ไม่ให้เราจากไป
…พยายามปล่อยวาง ทุกสิ่งทุกอย่างไว้ข้างหลัง แล้วก้าวเดินไปสู่ความใฝ่ฝันตามความปรารถนาของตัวเรา “ฝันให้ไกล ไปให้ถึง” ทุกสิ่งไม่เกินความพยายามของมนุษย์ วันเวลาของชีวิตเหลืออยู่นั้นไม่มากแล้วขอจงเร่งความเพียรพยายามทำความฝันนั้นให้เป็นจริงโดยเร็วไว อย่าปล่อยวันเวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ ไม่มีใครช่วยเราได้นอกจากตัวของเราเอง สำหรับเรื่องนี้ผู้อื่นเป็นได้เพียงกำลังใจเท่านั้น การก้าวไปสู่ความใฝ่ฝันนั้นต้องกระทำด้วยตัวเราเอง ไม่มีอะไรจีรังและยั่งยืนสุขใดไหนอื่นหรือจะเท่าสุขจากพระธรรม…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔…