…บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๒…
“ภิกษุจงเป็นผู้ไม่ประมาท มีสติ มีศีลอันดี จงมีความดำริตั้งมั่นตามรักษาจิตของตนเถิด”
“อปฺปมตฺตา สตีมนฺโต สุสีลา โหถ ภิกฺขโว
สุสมาหิตสงฺกปฺปา สจิตฺตมนุรกฺขถ”
…พุทธสุภาษิต มหาปรินิพพานสูตร ๑๐/๑๒๐…
…การเริ่มต้นของเช้าวันใหม่ เมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา จงเจริญสติและสัมปชัญญะให้มีความสมบูรณ์ มีความระลึกรู้และรู้ตัวทั่วพร้อมในกายและจิตของเราตั้งจิตของเราให้เป็นกุสลจิต เพื่อชีวิตในเช้าวันใหม่ เป็นการสร้างเหตุและปัจจัยให้แก่ชีวิตของเรา เพื่อที่จะรับเอาสิ่งที่ดีๆเข้ามาสู่ชีวิต ต้องเริ่มที่จิตของเรา
…จิตของเราเป็นเสมือนเครื่องรับคลื่นสัญญาณ มันมีกำลังที่จะดึงดูดคลื่นสัญญาณทั้งหลายได้ ถ้าจิตของเราเป็นกุศลจิต มันก็จะดูดเอาสิ่งที่ดีๆเข้ามา ในทางกลับกัน ถ้าจิตของเราเป็นอกุศลจิต มันก็จะดึงเอาสิ่งที่เป็นอกุศลเข้ามาสู่จิตของเรา…
…สายฝน สายธรม สายทาง…
๐ พระพิรุณ พรั่งพรู ลงสู่พื้น
จากดึกดื่น เรื่อยมา จนฟ้าสาย
ให้เปียกปอน หนาวเหน็บ ไปทั่วกาย
เย็นพระพาย พัดพา มาร่วมกัน
๐ นั่งเพ่งมอง สายฝน หล่นจากฟ้า
แล้วนำมา เป็นนิมิต จิตสร้างสรรค์
สมาธิ เกิดขึ้น โดยฉับพลัน
เห็นฝนนั้น แต่ละหยด ที่รดมา
๐ จับนิมิต อาโป ในโอกาส
มิให้พลาด จากจิต คิดสรรค์หา
เอาวิกฤต เป็นโอกาส ทุกเวลา
ภาวนา เพ่งนิมิต จิตสงบ
๐ สงบนิ่ง ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว
พึงพอใจ ในสิ่ง ที่ได้พบ
ภาวนา ต่อไป ไม่รู้จบ
ทำจนครบ เวลา หน้าที่เรา
๐ แล้วถอนจิต มาพินิจ คิดปัญหา
ให้ปัญญา เกิดขึ้น แก่โง่เขลา
ทำกายจิต ให้โปร่ง และโล่งเบา
แล้วนำเอา ธรรมะ พิจารณา
๐ ยกขันธ์ห้า มาพินิจ คิดวิเคราะห์
เพื่อให้เหมาะ เหตุการณ์ และปัญหา
สังขารขันธ์ นั้นเสื่อม ตามเวลา
เพราะผ่านมา ยาวนาน จึงร่วงโรย
๐ จากเด็กน้อย เป็นหนุ่มสาว จนเฒ่าแก่
สังขารแย่ เพราะผ่าน การหิวโหย
ด้วยกิเลส ตัณหา ดั่งฝนโปรย
จึ่งร่วงโรย เพราะผ่าน กาลเวลา
๐ เสียงระฆัง ดังมา พาปลุกจิต
ถอนความคิด ปรับจิต รับปัญหา
มีเหตุการณ์ มากมาย จะเข้ามา
จึงขอลา ออกไปพบ กับความจริง…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
… ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔…