…บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๖๔…
…อยู่กับปัจจุบันธรรม ด้วยการเจริญสติและสัมปชัญญะอยู่ตลอดเวลา ไม่หนีปัญหาด้วยการหลบเข้าอารมณ์สมาธิใช้สติและปัญญาพิจารณาหาเหตุหาปัจจัยของอารมณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นแล้วเข้าไปดับที่เหตุ โดยการพิจารณาให้เห็นทุกข์ เห็นภัย เห็นโทษ เห็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์ของอารมณ์ทั้งหลายเหล่านั้น จนเกิดความกลัวความละอายและเกรงกลัวต่ออกุศลจิตทั้งหลาย เกิดธรรมสังเวชขึ้นในจิต เพื่อให้จิตถอดถอนจากการยึดถือเพราะเกิดความเบื่อหน่ายจางคลาย เกิดการปล่อยวาง เมื่อจิตไม่เข้าไปเกี่ยวข้องยึดถือแล้วมันก็ดับเหตุไปได้ครั้งหนึ่ง ซึ่งเราจะต้องพยายามกระทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนเกิดความเคยชินความชำนาญ ในการคิดการพิจารณา รู้เท่าทันอารมณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นและดับอารมณ์เหล่านั้นให้ได้รวดเร็วขึ้น จนเป็นอุปนิสัย แล้วเราจึงจะปลอดภัยจากกระแสโลก
…การฝึกจิตนั้นต้องกระทำอยู่อย่างสม่ำเสมอไม่มีเวลาหยุดพัก เพราะการเจริญสตินั้นต้องทำในทุกโอกาส เพื่อให้สตินั้นมีกำลังเพิ่มยิ่ง ๆ ขึ้นเพื่อให้เห็นการเกิดดับของสรรพสิ่ง และละวางอารมณ์ที่เป็นอกุศลจิตให้รวดเร็ว ซึ่งสิ่งนั้นต้องอาศัยกำลังของสติสัมปชัญญะและองค์แห่งคุณธรรมเป็นตัวเข้าไปจัดระบบระเบียบของความคิดทั้งหลายของจิต โดยมีสมาธิคือจิตที่สงบนิ่ง เป็นบาทฐานแห่งการพิจารณาทุกเวลาที่ผ่านไปนั้น จึงเป็นการปฏิบัติธรรม…
…แด่วันหนึ่งที่ผ่านมาและวันเวลาที่เหลืออยู่…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๕ กันยายน ๒๕๖๔…