บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๖๗

…บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๖๗…

…สติและสัมปชัญญะ การระลึกรู้และความรู้ตัวทั่วพร้อมที่น้อมเข้าหาธรรม จะนำมาซึ่งความสุขและความสงบ เป็นสิ่งที่เรารับรู้ได้ด้วยจิต มันเป็นความรู้สึกที่รู้ได้เฉพาะตนสิ่งนั้นคือความเป็น “ปัตจัตตัง”

…เมื่อเรานั้นได้ย้อนมาพิจารณากายจิตของเราเราย่อมได้รู้ถึงสภาวะที่เป็นอยู่ของกายจิตเราสุขหรือทุกข์ สับสนวุ่นวายหรือสงบ สิ่งเหล่านั้นไม่มีใครจะมารู้ดีกว่าตัวของเราเอง ดั่งที่ครูบาอาจารย์ได้กล่าวไว้ว่า “ไม่มีใครรู้ซึ้งเท่าหนึ่งจิต”หากเราให้เวลาแก่ชีวิต หันมาพิจารณาดูกายดูจิตตัวของเราเอง

…พูดง่าย คิดง่าย แต่ทำได้ยาก เพราะว่าเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ที่ต้องฝึกฝนสั่งสมบารมีสร้างอินทรีย์ให้แก่กล้าขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อยอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีการขาดตอน เพื่อให้สติและสัมปชัญญะนั้นมันเต็มรอบ เมื่อกำลังของบุญกุศลบารมีเต็มเปี่ยมแล้ว มันจึงจะถึงซึ่งจุดหมายปลายทางของการปฏิบัติธรรมต้องใช้เวลาและความอดทนในการสั่งสมบารมีอินทรีย์ให้แก่กล้า ต้องใช้เวลาไม่รู้ว่ากี่ภพกี่ชาติ บุญบารมีนั้นจึงจะถึงพร้อมแต่ว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั่น ตราบใดที่เรายังเดินก้าวไปข้างหน้าอย่างถูกต้องและมั่นคง จุดหมายปลายทางนั้นย่อมที่จะใกล้เข้ามาทุกขณะขอจงอย่าท้อใจเลิกล้มเสียกลางคัน จุดหมายปลายทางนั้นคงจะไม่ไกล…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๘ กันยายน ๒๕๖๔…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *