…บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ บทที่ ๘๓…
…“ภิกษุจงเป็นผู้ไม่ประมาท มีสติ มีศีลอันดี จงมีความดำริตั้งมั่นตามรักษาจิตของตนเถิด”
“อปฺปมตฺตา สตีมนฺโต สุสีลา โหถ ภิกฺขโว
สุสมาหิตสงฺกปฺปา สจิตฺตมนุรกฺขถ”
…พุทธสุภาษิต มหาปรินิพพานสูตร ๑๐/๑๒๐…
…ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วดับไป เมื่อใจไม่ไปยึดติดยึดถือความห่วงหาอาลัยก็ไม่มี อยู่กับสภาวะแห่งความเป็นปัจจุบันธรรม ตามวิถีที่เป็นไปในแต่ละวัน ทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ ตามบทบาทและหน้าที่ที่เป็นอยู่ จิตตามดู ตามรู้ ตามเห็นในความเป็นไปที่แท้จริงของกายและจิต มีสติและสัมปชัญญะคุ้มครองกายและจิตอยู่ทุกขณะ คิดให้เป็นกุศลวันเวลาก็จะผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วเพราะว่าใจเราไม่ไปยึดถือ จิตโปร่งกายเบา ไม่ซึมเซา เพราะมีอารมณ์ปีติทรงอยู่ เรียนรู้และพิจารณาทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา
…สังคมที่กำลังสับสนวุ่นวาย ความรักความเอื้ออาทร จริยธรรม คุณธรรมอันดีงาม การพึ่งพาช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ค่านิยมแบบ “พออยู่พอกิน” ของคนในสังคม โดยเฉพาะในสังคมคนเมืองนั้นถูกทำลายไปอย่างย่อยยับโดย “ลัทธิเสพสุข” และ “ลัทธิบริโภคนิยม” จากความต้องการความสะดวกสบายลุกลามไปสู่ความฟุ้งเฟ้อทะเยอทะยานและความอยากที่มากขึ้นอย่างไม่รู้จบสิ้นจนกระทั่งได้กลายไปเป็นความเชื่อและค่านิยมที่ฝังแน่นในสังคมไทยวิถีชีวิตดั้งเดิมของคนไทยนั้นได้หายไปเพราะกระแสใหม่ ๆ ที่เกิดจากกิเลสและตัณหาแห่งยุคโลกาภิวัฒน์นั้นได้คุกคามเข้ามา ได้ทำลายวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของสังคมไทยให้เสื่อมสลายไป ดั่งคำที่หลวงพ่อพุทธทาสท่านได้เคยกล่าวว่า “เมื่อศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ” เพราะว่าสังคมกำลังขาดซึ่งคุณธรรม…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๔…