…เรียงร้อยธรรมไปตามกาล บทที่ ๘๕…
…สภาพดินฟ้าอากาศไม่เป็นใจอากาศร้อนอบอ้าว ไม่มีลม จิตนั้นเกิดความกังวลและปฏิฆะต่อสภาพดินฟ้าอากาศ สติระลึกรู้ได้ทัน เห็นการเกิดของอารมณ์ความรู้สึก เจาะลึกเห็นการเกิดของอารมณ์ปฏิฆะและปลิโพธนั้นพิจารณาธรรมตามสภาวะ เกิดความรู้ความเข้าใจในธรรม เข้าใจในสภาพของดินฟ้าอากาศว่าสิ่งเหล่านั้น “มันเป็นเช่นนั้นเอง”
…สิ่งที่กังวลนั้นคือ ช่วงนี้เป็นฤดูฝนซึ่งย่อมจะเกิดฝนตกหนักขึ้นได้ง่ายซึ่งจะทำให้เป็นอุปสรรคปัญหาต่อการเข้าอยู่ปริวาสกรรมปฏิบัติธรรมของพระภิกษุสงฆ์ ความกังวลใจจึงเกิดขึ้นแต่ทุกอย่างนั้นย่อมเกิดขึ้นได้เสมอเพราะความไม่เที่ยงแท้แน่นอน
…สภาพของดินฟ้าอากาศ เราไม่สามารถจะไปกำหนดได้ มันย่อมเป็นไปตามเหตุและปัจจัยของธรรมชาติทั้งหลายเหตุผลง่าย ๆ แต่เรามองข้ามไปเผลอสติ ไม่ได้พิจารณา เรากลับเอาตัณหาความต้องการของเรามาเป็นอารมณ์ มันก็เลยทำให้เกิดเป็นความทุกข์ใจ
…เมื่อเราระลึกได้ รู้เท่าทัน ความทุกข์อันนั้นก็สลายไป จิตใจปลอดโปร่งโล่งเบาไม่หนักอกหนักใจไร้ความกังวลเพราะว่าเราวางอารมณ์นั้นได้แล้วไม่แบกไม่ถือ เลยไม่หนัก
…“ธรรมทั้งหลายเกิดจากเหตุย่อมดับไปที่เหตุ” จิตเห็นจริงตามธรรมที่พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสไว้ใจเกิดสภาวะปีติซาบซึ้งในพระธรรมเชื่อมั่นศรัทธาในธรรมของพระพุทธองค์เชื่อมั่นในพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามพระธรรมคำสอน เหตุและผลแต่เมื่อได้พิจารณา ย่อมนำมาซึ่งความงอกงามเจริญในธรรม…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๕…