…รำพึงธรรมคำกวีหลังทำวัตรเย็น…
…ช่วงนี้เข้าสู่ฤดูฝนแล้ว จึงต้องรีบเคลียร์งานก่อสร้างกลางแจ้งให้เสร็จก่อนจะเข้าพรรษา เพราะตั้งใจไว้ว่าในช่วงเข้าพรรษาจะหยุดงานก่อสร้างเข้ากัมมัฏฐานสัก ๓ เดือน จึงต้องเร่งเคลียร์งานก่อสร้างทั้งหมดให้จบเพื่อจะได้ไม่เป็นปลิโพธเมื่อเข้าสู่การเข้ากัมมัฏฐาน…
๐ ฝนตกมา ฟ้าครึ้ม และมืดดำ
ฟ้ายามค่ำ ซึมเซา ให้เหงาหงอย
นั่งมองเมฆ บนฟ้า ที่เลื่อนลอย
เหมือนดั่งคอย เวลา ที่ฟ้างาม
๐ ฟ้าหลังฝน ทุกแห่งหน ย่อมสดใส
สิ่งใหม่ใหม่ ตามมา อย่ามองข้าม
เมื่อพินิจ และคิด ใคร่ครวญตาม
ทุกเขตคาม ล้วนเป็น เช่นนั้นเอง
๐ ในโลกนี้ มีด้านมืด และสว่าง
ทุกสิ่งอย่าง อย่าเอาใจ ไปข่มเหง
ให้รู้จัก ความชั่ว และกลัวเกรง
ตัวเราเอง นั้นรู้ อยู่แก่ใจ
๐ ทำอะไร คิดอะไร ใจนั้นรู้
ถ้าเฝ้าดู ตามจิต คิดแก้ไข
ต้องตามดู รู้เห็น ความเป็นไป
รู้อะไร ก็ไม่สู้ รู้จิตเรา
๐ รู้เรื่องโลก มากมาย ให้ปวดหัว
มารู้ตัว รู้ใจ ไม่โง่เขลา
รู้ภายใจ ทำให้ ใจเราเบา
และบรรเทา ลดทุกข์ ให้สุขใจ
๐ คือรู้กาย รู้จิต ที่คิดอยู่
เพราะตามดู ความคิด จิตตัวใหม่
ตามให้ทัน ดูให้เห็น ความเป็นไป
เราจะได้ รู้เห็น ความเป็นจริง
๐ สัจธรรม นั้นอยู่ คู่กับโลก
มีสุขโศก คู่กัน สรรพสิ่ง
จงแยกแยะ มองให้เห็น ความเป็นจริง
ใจต้องนิ่ง สมาธิ สติมา
๐ รู้อะไร ไม่สู้ รู้กายจิต
รู้ความคิด ด้วยจิต แสวงหา
เป็นหนทาง ที่สร้างเสริม เติมปัญญา
รู้ที่มา รู้ที่ไป ใจสบาย…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๕…