ปรารภธรรมคำกวีหลังเลิกงาน

…ปรารภธรรมคำกวีหลังเลิกงาน…

…ทุกสิ่งอย่างล้วนมีเหตุและปัจจัยที่ทำให้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไปมันเป็นเรื่องของบุพกรรมที่ทำมาทั้งที่มาจากโดยตรงและทางอ้อมเพราะเรื่องของกรรมนั้นมันเป็นสิ่งที่ผูกพัน เป็นทายาท เป็นเผ่าพันธุ์จึงส่งผลมาสู่ปัจจุบันอย่างที่เป็นอยู่เมื่อใจยอมรับและรับรู้ ในเรื่องของกรรมและวิบากแห่งกรรม เพียรสร้างกุศลกรรมขึ้นมาใหม่ ใจก็จะมีแต่ความสุข ไม่ทุกข์กับวิบากกรรมทุกสิ่งอย่าง “มันเป็นเช่นนั้นเอง”…

…ตถตา…มันจึงเป็นเช่นนั้นเอง…(กลอน ๙ )

๐ คิดว่าใช่ อาจไม่ใช่ อย่างที่คิด
ถูกหรือผิด ใครตัดสิน ในปัญหา
ความคิดเห็น ที่เป็นไป ตามอัตตา
ใช่จะว่า สิ่งที่เห็น นั้นเป็นจริง

๐ เมื่อเห็นธรรม ก็จะเห็น ความเป็นโลก
สุขหรือโศก นั้นมีใน สรรพสิ่ง
เมื่อเห็นโลก และเห็นธรรม ตามความจริง
สรรพสิ่ง นั้นล้วนเป็น “ตถตา”

๐ ตถตา คือแบบว่า เป็นเช่นนั้น
ล้วนผูกพัน ก่อกำเนิด เกิดปัญหา
มีเหตุผล และปัจจัย ให้เกิดมา
ก็เพราะว่า มันเป็น เช่นนั้นเอง

๐ สรรพสิ่ง ล้วนมีกรรม นั้นกำหนด
ไปตามบท กฎแห่งกรรม ที่ตามเร่ง
ดีหรือชั่ว ตัวเรารู้ ด้วยตนเอง
อย่าอวดเก่ง และอวดรู้ ไม่สู้ดี

๐ เพราะศักดิ์ศรี คือที่มา ของมานะ
เมื่อเป็นพระ ควรลดละ เรื่องศักดิ์ศรี
ถอนมานะ ละอัตตา อย่าให้มี
เป็นสิ่งที่ สมณะ ควรกระทำ

๐ โลกทัศน์ นำไปสู่ ชีวทัศน์
ควรฝึกหัด มองให้เห็น ความเหลื่อมล้ำ
เพราะทุกอย่าง นั้นมันเป็น เรื่องของกรรม
คิดแล้วทำ ทำให้เห็น “ตถตา”

๐ ทุกสิ่งอย่าง มันก็เป็น ไปเช่นนั้น
กรรมจัดสรร ให้เป็นไป ตามเนื้อหา
เกิดจากกรรม ที่กระทำ นั้นนำมา
ทุกชีวา ไปตามบท กฎแห่งกรรม

๐ ความเหลื่อมล้ำ เกิดจากกรรม นั้นกำหนด
นี้คือกฎ ธรรมชาติ อันลึกล้ำ
พระไตรลักษณ์ นั้นคือหลัก สัจธรรม
กฎแห่งกรรม มันจึงเป็น เช่นนั้นเอง….

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๕…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *