…รำพึงธรรมตามรายทาง บทที่ ๙๐…
… “ทำงานทุกชนิดให้จิตนั้นอยู่กับธรรม” คือพิจารณาทุกสิ่งทุกอย่างด้วยหลักธรรมมีสติระลึกรู้และความรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ตลอดรู้จักแยกแยะถูกผิด ชั่วดี รู้จักข่มจิตข่มใจไม่คล้อยตามกิเลสความอยากทั้งหลายที่เป็นอกุศล มีความละอายและเกรงกลัวต่อบาปคุ้มครองจิตอยู่ทุกขณะ ทำหน้าที่ของตนไปตามบทบาทและหน้าที่ ให้เต็มกำลังความรู้ความสามารถของตนเอง ทำอยู่อย่างนี้ก็ได้ชื่อว่าท่านนั้นกำลังปฏิบัติธรรม เพราะการปฏิบัติธรรมนั้น คือการทำหน้าที่อย่างมีสติและสัมปชัญญะระลึกรู้และรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ตลอดเวลา มีเจตนาคือกุศลจิตในขณะกระทำไม่ก้าวล่วงศีลธรรมและประเพณีที่ดีงาม ทำตามหน้าที่และความรับผิดชอบของตน รู้จักเหตุและผลในการกระทำนั้น ๆ ก็ได้ชื่อว่าท่านเป็นผู้ปฏิบัติธรรม เป็นผู้มีธรรมและอยู่กับธรรม…
…เก็บคำแต่เก่าก่อน
เก็บบทกลอนบทกวี
เก็บคำมานำชี้
บอกทางดีแก่ผู้คน
…คำเก่ามาเล่าใหม่
เพื่อไม่ให้เกิดสับสน
บรรยายอย่างแยบยล
ยกเหตุผลมาบรรยาย
…เขียนเป็นกาพย์ยานี
มานำชี้ซึ่งความหมาย
คำคมมีมากมาย
และหลากหลายครูอาจารย์
…ยกมาเสนอนำ
ตามถ้อยคำที่เล่าขาน
สืบต่อมายาวนาน
แต่ก่อนกาลปัจจุบัน…
“…การไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก….”
…ปากคนคล้ายปากกา
ตินินทากันไปทั่ว
พระพุทธยังหมองมัว
อย่าได้กลัวคนนินทา
…ไม่รู้และไม่เห็น
แต่ทำเป็นเหมือนเห็นมา
กล่าวคำที่มุสา
มากล่าวหาให้เสื่อมเสีย
…รู้มาเพียงเล็กน้อย
แล้วค่อยค่อยช่วยกันเชียร์
เติมไปจนให้เสีย
เรื่องผัวเมียยิ่งชอบใจ
…ใจคนไม่รู้พอ
จึงเสริมต่อว่ากันไป
คนดีชอบแก้ไข
คนจัญไรชอบแก้ตัว
…โลกนี้ไม่มีสุข
เพราะเป็นยุคที่คนชั่ว
มากมายให้หมองมัว
ไม่เกรงกลัวซึ่งบาปกรรม…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม…
…๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๕…