…แสงทองแสงธรรมในยามเช้า…
…เตือนตนอยู่เสมอว่า “จงกล่าวธรรมเพื่อธรรม กล่าวธรรม โดยธรรมทำหน้าที่ โดยการกล่าวธรรมซึ่งต้องให้เหมาะสมกับจังหวะเวลา โอกาส สถานที่และบุคคลคือต้องรู้จักกาละเทสะ ไม่กล่าวธรรมพร่ำเพรื่อต้องให้เหมาะกับกาลการกล่าวธรรมนั้นจึงจะบังเกิดผลก่อให้เกิดความเจริญในธรรมและได้รับการสนองตอบ เพราะชอบด้วยกาลและเวลา คือถูกที่ ถูกทางและถูกธรรม”…
๐ ธรรมทาน ๐
ธรรมทานนี้เลิศกว่าทานทั้งหลายการแสดงธรรมบ่อย ๆ แก่บุคคลผู้เงี่ยหูลงรับฟัง นี้เลิศกว่าการพูดถ้อยคำอันเป็นที่รัก การชักชวนผู้ไม่ศรัทธา ให้ตั้งมั่นทรงไว้ได้ถึงพร้อมด้วยศรัทธาชักชวนผู้ละเมิดศีล ให้ตั้งมั่นทรงไว้ได้ถึงพร้อมด้วยศีลชักชวนผู้ไม่อยากให้ ให้ตั้งมั่นทรงไว้ได้ถึงพร้อมด้วยการปันให้ชักชวนผู้มีปัญญาทราม ให้ตั้งมั่นทรงไว้ได้ถึงพร้อมด้วยปัญญานี้เลิศกว่าการประพฤติประโยชน์ทั้งหลาย…
…จากพระไตรปิฎก ภาษาไทยฉบับหลวง เล่มที่ ๒๓ “ พลสูตร ” ข้อที่๒๐๙…
…แสงทอง คือแสงธรรม
ที่ชี้นำ สู่เส้นทาง
ส่องโลก ให้สว่าง
ให้ได้เห็น ความเป็นจริง
…ทางโลก นั้นมืดมิด
เพราะว่าจิต ไม่หยุดนิ่ง
วุ่นวาย เพราะหลายสิ่ง
โลกธรรม ชักนำไป
…รักโลภ และโกรธหลง
ใจพะวง ยึดถือไว้
เกิดทุกข์ ระทมใจ
ต้องเวียนว่าย ในวังวน
…แสงธรรม นำชีวิต
ชี้ถูกผิด ไม่สับสน
ลดละ ซึ่งตัวตน
คือมานะ และอัตตา
…สอนให้ ใจเปิดกว้าง
ให้เห็นทาง แก้ปัญหา
ก่อเกิด ซึ่งปัญญา
เพื่อดับทุกข์ สลายไป
…แสงธรรม ส่องนำทาง
แสงสว่าง ที่สดใส
แสงธรรม ผ่องอำไพ
ส่องให้เห็น สัจธรรม
…ทุกสิ่ง ล้วนเกิดดับ
เปลี่ยนสลับ อยู่ประจำ
ยึดถือ ก่อเกิดกรรม
เมื่อปล่อยวาง ก็ว่างลง
…แสงธรรม นำชีวิต
ส่องให้จิต ไม่ลุ่มหลง
แสงธรรม นั้นมั่นคง
ส่องสงบ พบหนทาง…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม…
…๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๕…