…ทรัพย์สมบัติใด ๆ ในโลกนี้ที่มีอยู่ก็ไม่สู้ธรรมะสมบัติได้ ถ้าเรามีทรัพย์คือธรรมะประดับใจของเราแล้วย่อมเป็นผู้เจริญรุ่งเรืองขึ้นไปแน่นอน…
…พระคุณต้องทดแทน ความแค้นต้องให้อโหสิกรรมอะเวรัง อะสะปัตตัง พระพุทธเจ้าทรงสอนให้พวกเราเป็นผู้ไม่มีเวรไม่จองเวร เป็นผู้อโหสิกรรม…
…เพราะอัตตา มันพาไป ใจจึงทุกข์
ไร้ซึ่งสุข เพราะว่าใจ ไปยึดถือ
ว่ามันเป็น ของของเรา อยู่ในมือ
ใจยึดถือ ในสิ่งนั้น อย่างมั่นคง
…ทุกสิ่งอย่าง ย่อมมี การเกิดดับ
เปลี่ยนสลับ กันไป อย่าได้หลง
อนิจจัง นั้นคือความ ไม่มั่นคง
จึงต้องปลง ลดละ ซึ่งอัตตา
…เพราะอัตตา ตัวตน ของคนนั้น
ไปยึดมั่น ยึดถือ ในเนื้อหา
ไม่ยอมรับ ซึงความเป็น อนิจจา
มันจึงพา ให้เกิดทุกข์ ไม่สุขใจ
…ทุกข์เพราะความ อยากมี และอยากเป็น
อยากจะเห็น ให้มันเป็น เช่นนั้นได้
ไม่อยากให้ มันจาก หรือพรากไป
อยากจะให้ มันนั้นอยู่ คู่กับเรา
…สิ่งเหล่านี้ คืออัตตา และมานะ
ถ้าไม่ละ จะนำจิต คิดโง่เขลา
หลงตัวตน ความคิด จิตมึนเมา
เพราะว่าเข้า ไปยึดติด จิตผูกพัน
…อยากจะให้ เป็นไป อย่างที่คิด
ไปยึดติด ให้มันเป็น อยู่เช่นนั้น
ไม่อยากให้ มันนั้นจาก หรือพรากกัน
ความยึดมั่น และยึดถือ คืออัตตา
…เพราะอัตตา ตัวตน ของคนนี้
ทำให้มี มากมาย หลายปัญหา
ผลกระทบ มากมาย จึงตามมา
ก็เพราะว่า ไม่ยอมรับ ซึ่งความจริง
…ทุกสิ่งอย่าง ล้วนอยู่ใน พระไตรลักษณ์
ไปตามหลัก ธรรมชาติ ในทุกสิ่ง
และเมื่อใจ ไม่ยอมรับ ในความจริง
มันก็ยิ่ง ทำให้ทุกข์ ไม่สุขใจ
…เพราะว่าใจ อยากได้ ซึ่งความสุข
จึงต้องทุกข์ เพราะอยากมี และอยากได้
อยากจะอยู่ อยากจะเห็น และเป็นไป
ตามที่ใจ ของตน นั้นต้องการ
…เมื่อไม่ได้ ตามที่ใจ ปรารถนา
ก็นำมา ให้เกิดทุกข์ ไม่สุขสาน
ถ้าอยากให้ ใจไม่ทุกข์ สุขสำราญ
ต้องฝึกการ ละวาง ห่างอัตตา
…ฝึกทำใจ ให้ยอมรับ ในความจริง
กับทุกสิ่ง ที่เกิดดับ ตามเนื้อหา
ฝึกซึ่งการ ลดละ ซึ่งอัตตา
ภาวนา ให้มันเห็น ความเป็นจริง…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะิ- สมณะไร้นาม…
…๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๕…