…กระแสธรรมแห่งกาลเวลา…
…ย้ำเตือนตนอยู่เสมอว่า จงกล่าวธรรมเพื่อธรรม กล่าวธรรมโดยธรรม ทำหน้าที่โดยการกล่าวธรรม ซึ่งต้องให้เหมาะสมกับจังหวะเวลาโอกาส สถานที่และบุคคลนั้นคือต้องรู้จักกาละเทสะ ไม่กล่าวธรรมพร่ำเพรื่อต้องให้เหมาะกับกาล การกล่าวธรรมนั้นจึงจะบังเกิดผลก่อให้เกิดความเจริญในธรรมและได้รับการสนองตอบเพราะชอบด้วยกาลและเวลา คือถูกที่ถูกทางและถูกธรรม อย่าไปกล่าวสอนด้วยตัณหาของเรา คือการเอาความคิดความอยากของเราไปยัดเยียดให้เขาตอบสนอง กระทำตามความต้องการของเรา ที่อยากจะให้มันเป็นอย่างนั้นอยากจะให้มันเป็นอย่างนี้ ไม่อยากจะให้มันเป็นอย่างนั้น ไม่อยากจะให้มันเป็นอย่างนี้ โดยเอาความรู้สึกความต้องการของเราไปยัดเหยียดให้เขารับรู้และรับฟัง…
…จงเชื่อมั่น ศรัทธา ในกุศล
จะส่งผล ให้ใจ นั้นอาจหาญ
เพิ่มกำลัง เพิ่มขวัญ ต่อการงาน
จะทำการ สิ่งใด ไปได้ดี
…เมื่อคิดดี และทำดี อย่างที่คิด
กำหนดจิต เป็นกุศล ในทุกที่
เพิ่มกำลัง ศรัทธา ให้มากมี
เมื่อคิดดี และทำดี ก็สุขใจ
…ใจเป็นสุข อยู่กับ บุญกุศล
ก็หลีกพ้น จากบาป ไม่เข้าใกล้
มีความดี คุ้มครอง ทั้งกายใจ
จะช่วยให้ ชีวิต นั้นรุ่งเรือง
…จะรุ่งเรือง ก้าวหน้า เพราะกุศล
บุญส่งผล ให้ก้าวหน้า อย่างต่อเนื่อง
รักษาจิต รักษาใจ ไม่ขุ่นเคือง
บุญหนุนเนื่อง ให้รุ่งเรือง ยิ่งขึ้นไป
…ถ้ากินแต่ บุญเก่า นั้นอาจหมด
บุญจะลด ถ้าไม่สร้าง ทางบุญใหม่
ทำวันนี้ ให้ดี ยิ่งขึ้นไป
สั่งสมไว้ ซึ่งต้นทุน บุญหนุนนำ
…จงเชื่อมั่น ศรัทธา ในความดี
เป็นสิ่งที่ ประเสริฐ และเลิศล้ำ
อยู่กับโลก บนเส้นทาง แห่งสายธรรม
บุญหนุนนำ ให้ประสพ พบสิ่งดี…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๕…