…กระแสธรรมแห่งกาลเวลา…
…ธรรมารมณ์ (สิ่งที่ใจนึกคิด) นั้นเป็นของละเอียดอ่อน ไร้รูป ไร้รส ไร้กลิ่นไร้เสียง ไร้การสัมผัส เป็นนามธรรมที่จับต้องมิได้ เป็นสิ่งที่เกิดภายในมีใจเป็นตัวรับรู้และแผ่ออกมากระทบกับจิต ทำให้จิตแปรเปลี่ยนไป
…จิตของเราเหมือนภาชนะที่ว่างเปล่า เอาอะไรมาใส่ มันก็จะรองรับบรรจุสิ่งนั้นไว้ เป็นห้องว่างที่ใครผ่านมาก็เข้าไปพักได้ เราผู้เป็นเจ้าของห้องจึงต้องมีหน้าที่ ที่จะต้องคอยดูแลรักษาและป้องกัน มิให้สิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายเข้ามาอยู่อาศัย
…โดยการพิจารณาแยกแยะกุศลและอกุศลที่จรมา รับไว้แต่สิ่งที่ดีมีสาระต่อการดำเนินชีวิตทางจิตของเราปฏิเสธสิ่งที่ไม่เป็นสาระไม่เกิดประโยชน์เป็นทุกข์เป็นภัยเป็นโทษ มิให้เข้ามาอยู่อาศัยในจิตเรา…
… “จิตแท้ จิตเดิมนั้น ประภัสสร (งดงาม บริสุทธิ์) แต่จิตนี้เศร้าหมองแล้วเพราะกิเลสที่เป็นอาคันตุกะได้จรมาอยู่อาศัย”…
…จงเชื่อมั่น ศรัทธา ในกุศล
จะส่งผล ให้ใจ นั้นอาจหาญ
เพิ่มกำลัง เพิ่มขวัญ ต่อการงาน
จะทำการ สิ่งใด ไปได้ดี
…เมื่อคิดดี และทำดี อย่างที่คิด
กำหนดจิต เป็นกุศล ในทุกที่
เพิ่มกำลัง ศรัทธา ให้มากมี
เมื่อคิดดี และทำดี ก็สุขใจ
…ใจเป็นสุข อยู่กับ บุญกุศล
ก็หลีกพ้น จากบาป ไม่เข้าใกล้
มีความดี คุ้มครอง ทั้งกายใจ
จะช่วยให้ ชีวิต นั้นรุ่งเรือง
…จะรุ่งเรือง ก้าวหน้า เพราะกุศล
บุญส่งผล ให้ก้าวหน้า อย่างต่อเนื่อง
รักษาจิต รักษาใจ ไม่ขุ่นเคือง
บุญหนุนเนื่อง ให้รุ่งเรือง ยิ่งขึ้นไป
…ถ้ากินแต่ บุญเก่า นั้นอาจหมด
บุญจะลด ถ้าไม่สร้าง ทางบุญใหม่
ทำวันนี้ ให้ดี ยิ่งขึ้นไป
สั่งสมไว้ ซึ่งต้นทุน บุญหนุนนำ
…จงเชื่อมั่น ศรัทธา ในความดี
เป็นสิ่งที่ ประเสริฐ และเลิศล้ำ
อยู่กับโลก บนเส้นทาง แห่งสายธรรม
บุญหนุนนำ ให้ประสพ พบสิ่งดี…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๕…