…ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๔…
…“ภิกษุทั้งหลาย! เราประพฤติพรหมจรรย์นี้ มิใช่เพื่อหลอกลวงคนเพื่อให้คนบ่นถึง เพื่อผลคือลาภสักการะและชื่อเสียง เพื่อเป็นเจ้าลัทธิ เพื่อให้คนทั้งหลายรู้จักเราก็หามิได้ แต่ที่จริงแล้วเพื่อความสังวรระวัง เพื่อละกิเลสเพื่อคลายกิเลส และเพื่อดับกิเลสเท่านั้น”
“นยิทํ ภิกฺขเว พฺรหฺมจริยํ วุสฺสติ
ชนกุหนตฺถํ น ชนลปนตฺถํ
น ลาภสกฺการสิโลกานิสํสตฺถํ
น อิติวาทปฺปโมกฺขานิสํสตฺถํ
น อิติ มํ ชโน ชานาตูติ
อถโข อิทํ ภิกฺขเว พฺรหฺมจริยํ วุสฺสติ
สํวรตฺถํ ปหานตฺถํ วิราคตฺถํ นิโรธตฺถนุติ”
…พุทธสุภาษิต พรหมจริยสูตร ๒๑/๒๙…
..หลักของการปฏิบัติธรรมนั้นเป็นไปเพื่อความเจริญในธรรม “ไม่เป็นภัยต่อชีวิต ไม่เป็นพิษต่อผู้อื่น ไม่ฝ่าฝืนศีลธรรมอันดีงามเป็นไปโดยชอบ ประกอบด้วยกุศลเป็นมงคลต่อชีวิตและสังคม” นั้นคือสิ่งที่ควรจะศึกษาและนำมาปฏิบัติ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวะและสถานะของตน…
๐ รอยทาง สร้างรอยธรรม
รอยที่ย่ำ คือรอยทาง
รอยธรรม คือแบบอย่าง
เป็นแนวทาง ที่ก้าวนำ
๐ เรียบเรียง มาบอกเล่า
เพื่อให้เข้า ใจในธรรม
ออกจาก ความมืดดำ
จากจิตต่ำ สู่ทางดี
๐ หลายหลาก มากมุมมอง
ตอบสนอง ในทุกที่
แนวทาง และวิธี
นั้นมากมี ให้เดินตาม
๐ เดินตาม เส้นทางธรรม
ที่ชี้นำ ให้ก้าวข้าม
หุบเหว และขวากหนาม
พยายาม สร้างกรรมดี
๐ กรรมดี จะส่งผล
เป็นมงคล เสริมราศี
จิตดี ส่งกายดี
ก็จะมี ความสุขใจ
๐ สุขใจ เพราะไร้ทุกข์
ได้พบสุข ที่สดใส
ชีวิต ก้าวเดินไป
เส้นทางใหม่ ตามรอยธรรม….
… ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕…