…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๘…
…ในส่วนลึกของจิตสำนึกนั้นทุกคนย่อมจะมีจิตสำนึกแห่งความใฝ่ดีซ่อนอยู่เสมอ เพียงแต่บางครั้งยังไม่ได้แสดงออกมาเพราะเงื่อนไขของเรื่องจังหวะเวลา โอกาส สถานที่และตัวบุคคลนั้นยังไม่เอื้ออำนวย ไม่เปิดโอกาสให้แสดงออกมาได้ในสิ่งนั้นทุกคนต่างมีเหตุปัจจัยและพื้นฐานความคิดที่แตกต่างกัน ทำให้ความคิดเห็นของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไป…
…การที่จะไปตัดสินว่าความคิดเห็นของใครนั้นถูกหรือผิดเราไม่ควรเอาพื้นฐานความคิดเห็นของตัวเรานั้นมาเป็นข้อสรุป ว่าสิ่งที่เขาคิดเห็นนั้นถูกหรือผิดเพราะทุกคนต่างก็มีจิตสำนึกที่แตกต่างกันโดยพื้นฐานจากเหตุและปัจจัยของแต่ละคนนั้นมีที่มาและที่ไปที่แตกต่างกัน ความคิดเห็นของแต่ละคนนั้นเป็นปัจเจก การที่จะอยู่ร่วมกันในสังคมโดยสงบสุขนั้นจึงต้องเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย โดยใช้หลักของการแสวงหาจุดร่วม สงวนจุดต่างเป็นแนวทางให้เกิดความสันติสุขขึ้นมา…
…การเปิดใจรับฟังความคิดเห็นและปัญหาของทุกฝ่ายนั้นเป็นการเปิดกว้างทางความคิดเป็นการฝึกจิตในการลดละซึ่งทิฏฐิมานะ ความถือตัวถือตนและอัตตา จะนำมาซึ่งความรู้และเข้าใจในชีวิตที่เป็นไปของแต่ละคนมากยิ่งขึ้น
…เมื่อใจของเรานั้นเปิดกว้างมองทุกอย่างให้เข้าใจ ถึงที่มาและที่ไป ถึงเหตุและปัจจัย ที่ทำให้เป็นไปอย่างนั้น เมื่อเราเข้าใจในโลก เราก็ย่อมจะเข้าใจในธรรมเพราะทั้งสองสิ่งนั้นมันเป็นของคู่กัน…
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๕…