ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๖๘

…ใคร่ครวญธรรมตามกาลเวลา บทที่ ๖๘…

…ถ้าหากเราทำงานเพื่อหวังผลของงานเราจะมีความรู้สึกว่า มันหนัก มันเหนื่อยมันมีความวิตกกังวลใจ เพราะว่าใจของเรานั้นมันเข้าไปยึดถือ มันจึงเป็นทุกข์

…แต่ในทางกลับกัน หากเรานั้นทำงานเพื่อเป็นการปฏิบัติธรรม เพื่อทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ โดยไม่คาดหวังผลผลนั้นจะออกมาอย่างไร เรายอมรับในผลที่ออกมา ใจเราก็จะไม่ทุกข์ ไม่กังวลมีแต่ความปีติสุขจากการที่ได้ทำ…

…ดอกหญ้าเมื่อฟ้าหลังฝน…

…เมื่อสายฝน พ้นผ่าน ม่านฟ้าเปิด
ก่อกำเนิด เกิดการ ซึ่งงานใหม่
เหล่าพืชพันธุ์ งอกงาม เจริญวัย
กล้าต้นใหม่ งอกงาม ตามเวลา

…มวลไม้ดอก งอกงาม ตามฤดู
แมลงภู่ โบยบิน ดมพฤกษา
เสียงไก่เถื่อน ขับขาน กังวานมา
สกุณา ร่ำร้อง ดังก้องไพร

…สรรพสิ่ง รอบกาย ล้วนเป็นมิตร
เพราะว่าจิต เรานั้น ไม่หวั่นไหว
มีสติ ตามดู รู้ที่ใจ
นอกเคลื่อนไหว ในสงบ เมื่อพบธรรม

…มีแสงทอง แสงธรรม นำชีวิต
ประคองจิต มิให้ ใจใฝ่ต่ำ
มีสติ เตือนจิต ก่อนคิดทำ
กุศลกรรม ทำให้ ใจใฝ่ดี

…เหมือนดอกหญ้า กลางป่า ยามหน้าฝน
ที่ทุกคน มองไร้ค่า เบือนหน้าหนี
มองไม่เห็น ประโยชน์ ที่พึงมี
ไร้ส่วนดี ไร้ค่า สายตาคน

…ไร้รูปแบบ แต่ไม่ไร้ ในสาระ
มีธรรมะ คุ้มครองใจ ในทุกหน
ตามดูกาย ดูจิต ความคิดตน
เพียรฝึกฝน กายจิต ให้คิดดี

…เอาทางธรรม มานำใช้ ในทางโลก
คลายทุกข์โศก ในใจ ของน้องพี่
ทำให้ดู อยู่ให้เห็น เป็นสิ่งดี
และคอยชี้ ช่องทาง สว่างใจ

…สว่างใจ สบายกาย สว่างจิต
เพียงแต่เปลี่ยน ความคิด ฝึกจิตใหม่
เปลี่ยนความคิด ชีวิต ก็เปลี่ยนไป
เส้นทางใหม่ ของชีวิต ลิขิตเอง….

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๒๑ กันยายน ๒๕๖๕…