ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล ปฐมบท

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล ปฐมบท…

…การรักษาศีลนั้นคือการเจริญสติเพราะผู้ที่รักษาศีลนั้นต้องมีสติอยู่กับกายและจิต ในการที่จะคิด จะพูดและจะทำ เรียกว่าต้องสำรวมอินทรีย์อยู่ทุกขณะจิต เพื่อไม่ให้ล่วงละเมิดข้อห้ามของศีลที่รักษา ศีลจึงคือที่มาของสติพละ และสิ่งที่ ได้มาควบคู่กับสติในการรักษาศีล ก็คือองค์แห่งคุณธรรม หิริและโอตตัปปะสิ่งนั้นก็คือความละอายและเกรงกลัวต่อบาป เพราะการที่เราไม่กล้าที่จะล่วงละเมิดข้อห้ามของศีลนั้น เพราะเรามีความละอายและเกรงกลัวต่อบาปเป็นตัวกระตุ้นเตือนเพื่อให้เกิดจิตสำนึก ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี…

…ปลายทางยังอยู่อีกยาวไกล….

๐ คนไร้ราก ร่อนเร่ พเนจร
ไร้ถิ่นฐาน ถาวร อยู่อาศัย
เพราะเกิดมา มีกรรม จึงทำใจ
ร่อนเร่ไป ตามหน้าที่ เพราะมีกรรม

๐ เคยคิดหยุด ปักหลัก อยากพักบ้าง
หยุดการสร้าง การสอน ที่ซ้ำซ้ำ
ปลีกวิเวก ภาวนา ศึกษาธรรม
แต่ว่ากรรม ยังไม่หมด ต้องอดทน

๐ ฝันไว้ไกล ยังไม่ถึง ซึ่งที่ฝัน
เพราะสิ่งนั้น เปลี่ยนไป ในทุกหน
ต้องพบปะ มากมาย หลายผู้คน
ต้องคิดค้น สงเคราะห์ ให้เหมาะงาน

๐ จึงทำใจ ทำจิต คิดแบบใหม่
มาฝึกใจ ฝึกจิต คิดประสาน
เอาธรรมะ มาใช้ ในการงาน
ให้เป็นการ เจริญจิต ภาวนา

๐ มีสติ ระลึกรู้ อยู่กับกาย
ไม่วุ่นวาย กับการ แสวงหา
พึ่งพอใจ ในสิ่ง ที่ได้มา
เอาตัณหา ละตัณหา ตั้งหน้าทำ

๐ ทำหน้าที่ ของตน ตามบทบาท
ไม่ประมาท พาใจ ให้ตกต่ำ
ให้กิเลส ตัณหา เข้าครอบงำ
เจริญธรรม เจริญจิต ด้วยคิดดี

๐ การเดินทาง นั้นยัง ไม่สิ้นสุด
ยังไม่หยุด หายใจ ไม่ถึงที่
เพื่อให้เรา ได้สร้าง บารมี
ทำความดี ต่อไป ให้มันเต็ม…

… ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕…