ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๒

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๒…

…การที่เราอยู่ร่วมกับหมู่คณะในสังคมนั้นเราต้องทำความรู้ ความเข้าใจกับสถานที่และตัวบุคคลในที่นั้นๆ เพราะว่าคนแต่ละคนนั้นมีความแตกต่างกัน ด้วยธาตุและอินทรีย์ จึงทำให้มีความคิดและพฤติกรรมที่แตกต่างกันออกไป เราจึงต้องทำความเข้าใจกับบุคคลและสถานที่นั้นๆ

…ทำให้ระลึกถึงหัวข้อธรรมข้อหนึ่งขึ้นมาคือข้อธรรมที่ว่าด้วยชุมชนธรรมนั้นคือ ปริสัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักชุมชน

…ปริสัญญุตานั้นหมายถึง ความเป็นผู้รู้จักชุมชนหรือสังคมที่เรานั้นอยู่อาศัยชุมชนในที่ทำงาน ชุมชนที่เราจะเข้าไปหาว่าผู้คนในที่นั้นเป็นอย่างไร มีความต้องการหรือไม่ต้องการอะไร มีความคิดเห็นมีข้อตกลงกันว่าอย่างไร การที่จะเข้าไปหาหรือการที่จะต้อนรับต้องทำอย่างไรทั้งนี้เพื่อให้ได้รับความร่วมมือและช่วยเหลือจากชุมชนนั้นได้อย่างถูกต้อง เพื่ออยู่ในสังคมนั้นได้อย่างสงบสุข ไม่ไปทะเลาะหรือขัดแย้งกับชุมชนนั้น

…ปริสัญญุตา เป็นเหตุให้ทำตัวได้ถูกต้องอยู่ในชุมชนนั้นๆ ด้วยความสบายใจไม่มีเรื่องราวและได้รับความไว้วางใจ ไม่มีความหวาดระแวงจากชุมชน มีความองอาจในการเข้าชุมชน

…ผู้ใดประกอบด้วยปริสัญญุตาจัดว่าผู้นั้นเป็นสัตบุรุษ คือเป็นคนดี คนฉลาดน่ายกย่องนับถือและเหมาะสมที่จะคบหาสมาคมเอามาเป็นแบบอย่างได้

…การทำงานคือการปฏิบัติธรรมและต้องระลึกถึงข้อธรรม นำธรรมนั้นมาสงเคราะห์ให้เหมาะสมกับงานที่เรากำลังกระทำนั้นคือการปฏิบัติธรรมและอยู่กับธรรมโดยการกระทำและทำได้จริงในชีวิตประจำวันของเรา…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๕ สิงหาคม ๒๕๖๕…