ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๕

…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๒๕…

… ธรรมะนั้น ไม่มีคำว่าดีที่สุดและถูกต้องที่สุด แต่จะมีความเหมาะสมที่สุด ด้วยองค์ประกอบของเหตุและปัจจัย ธรรมะทั้งหลายจึงเป็นธรรมะสัปปายะ คือธรรมที่เหมาะสมกับ จังหวะ เวลา โอกาสสถานที่และตัวบุคคล ตามเหตุตามผลของพละกำลังและอินทรีย์ที่ได้สะสมมา

…คำว่าวาสนาหรือบารมีนั้น เกิดจากการสะสมบำเพ็ญมาจากอดีตชาติและปัจจุบันชาติ ซึ่งไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่เกิดจากกรรมเก่าที่เราได้กระทำมาทั้งที่เป็นกุศลกรรมและอกุศลกรรมสิ่งนั้นจึงส่งผลมาสู่ปัจจุบันทำให้มันเป็นไป ทุกอย่างล้วนมีที่มาและที่ไปมีเหตุและปัจจัยเป็นตัวทำให้เกิดขึ้นมาอย่างที่รู้ ที่เห็นและที่เป็นอยู่ในขณะนี้…

…เจริญสติ ระลึกรู้ อยู่กับธรรม…

๐ มีสติ เตือนตน จึงพ้นผิด
กุศลจิต ชี้นำ ตามวิถี
กุศลกรรม นำสร้าง สู่ทางดี
ก่อเกิดมี คุณธรรม ประจำใจ

๐ เพียรเจริญ สติ ระลึกรู้
วางจิตอยู่ กับกาย ไม่ไปไหน
ระลึกรู้ ให้เห็น ทั้งนอกใน
ระลึกไป ให้รู้ทั่ว ทั้งตัวตน

๐ กำหนดรู้ รูปนาม ตามแบบอย่าง
ทุกก้าวย่าง กำหนดรู้ อยู่ทุกหน
มีสติ ระลึกรู้ อยู่กับตน
หมั่นฝึกฝน เจริญจิต ภาวนา

๐ หมั่นทบทวน ใคร่ครวญ เพ่งพิเคราะห์
ให้พอเหมาะ เหตุปัจจัย ในเนื้อหา
รู้ที่ไป เห็นที่ดับ รู้ที่มา
เกิดปัญญา เห็นธรรม ความเป็นจริง…

…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๘ สิงหาคม ๒๕๖๕…