…ใคร่ครวญธรรมไปตามกาล บทที่ ๔๘…
…ชีวิตก้าวข้ามความตายมาหลายครั้ง ในสมัยที่ยังไม่รู้จักคุณค่าของชีวิตเดินอยู่บนเส้นทางที่พลาดผิดห่างไกลจากธรรม เพลิดเพลินในการประกอบกรรมอันเป็นอกุศล โดยไม่มีความรู้สึกรักตัวและกลัวตายในสิ่งที่ทำ ชีวิตที่รอดมาได้จนถึงวันนี้มันจึงคือกำไรของชีวิต เมื่อมีความรู้สึกสำนึกผิดชีวิตที่เหลือก็ไม่มีอะไรที่น่ากลัว
…จัดสรรเวลาของชีวิตที่เหลือให้มีค่ามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ปล่อยให้ผ่านไปโดยไร้ซึ่งประโยชน์ ทั้งในเรื่องทางโลกและในเรื่องทางธรรมตอกย้ำจิตสำนึกในบทบาทภาระและหน้าที่ เพราะวันเวลาของชีวิตที่ได้ผ่านมานั้น มันคือกำไรของชีวิตแห่งการที่ยังมีลมหายใจอยู่
…ไปในที่ ที่เขาต้องการให้ไป เมื่อพักอาศัยแล้วใจเป็นสุขใจไม่เป็นทุกข์ ทุกอย่างย่อมสบายขอให้สถานที่นั้น มีความเจริญในธรรมงอกงามเพิ่มพูน ก็เป็นบุญของตัวเราแล้ว…
“เห็นกันอยู่เมื่อเช้า สายตาย
สายยังอยู่สุขสบาย บ่ายม้วย
บ่ายชื่นรื่นรวยราย เย็นดับ ชีพแฮ
เย็นเล่นกับลูกด้วย ค่ำม้วย อาสัญ”
…( พระราชนิพนธ์ ของรัชกาลที่ ๕)…
…ชีวิตช่างน้อยนิด
ถ้าเราคิดและศึกษา
ไม่นานต้องจากลา
ทิ้งกายากลับสู่ดิน
…เกิดแก่และเจ็บตาย
วนเวียนว่ายนิจศีล
ลืมตามายลยิน
แล้วดับสิ้นตามเวลา
…ชีวิตอนิจจัง
ไม่จีรังยั่งยืนมา
มีพบมีจากลา
อนิจจาไม่จีรัง
…เตรียมตนเสียก่อนตาย
จะสบายในหนหลัง
กรรมดีมีพลัง
สู่ความหวังที่ตั้งตา
…ชีวิตอย่าประมาท
อาจพลั้งพลาดทุกเวลา
สติและปัญญา
จะนำพาสู่ทางดี
…ตัวตายให้ชื่ออยู่
เขาเชิดชูทุกถิ่นที่
เหลือไว้ในสิ่งดี
ให้โลกนี้ได้ร่ำลือ….
…ปรารถนาดีด้วยไมตรีจิต…
…รวี สัจจะ – สมณะไร้นาม…
…๑ กันยายน ๒๕๖๕…